จับความผิดศาล จว.และมีหมายจับศาลแขวง ทำไงดีครับ

[samchuk315]

จับนาย ก. ข้อหาเสพขับ ตรวจสอบพบมีหมายจับข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ (ศาลแขวงส่งสำนวนแล้ว) นาย ก.รับสารภาพทั้งสองข้อหา ต้องนำตัวไปฝากขังและฟ้องวาจา ทำไงดีครับ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบเป็นวิทยาทานหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ลิงก์ผู้สนับสนุน Sponsored Links

[บุคคลทั่วไป]

ฟ้องใบแดงยักยอกก่อน ส่วนเสพขับทำคำร้องไปฝากขังในวันเดียวกัน เอาตัว ผตห.ไปไว้ที่ห้องควบคุมของตำรวจศาล แจ้งอัยการทราบเรื่อง ผตห.มีคดีเสพขับด้วย คดียักยอก ผตห.รับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษทันที ส่วนเสพขับเขาคงยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเอง

[บุคคลทั่วไป]

แก้ไข ฟ้องใบแดงทำให้เสียทรัพย์ก่อน

[บุคคลทั่วไป]

ใครมีแนวทางปฏิบัติอย่างอื่นอีกไหมครับ เผื่อไว้เป็นทางเลือก ถ้ามีกรณีอย่างนี้อีก..

[บุคคลทั่วไป]

เพิ่มเติมครับ ศาล จว.กับ ศาลแขวง อยู่คนละที่ เมื่อฟ้องใบแดงเสร็จ ต้องรีบนำตัวผ ผตห.ไปฝากขังทันทีเลย แต่ถ้าเป็นกรณีที่ ผตห.ไม่มีเงินเสียค่าปรับศาลแขวงล่ะครับ ต้องกักขังแทนค่าปรับ แล้วจะเอาตัวไปฝากขังได้ไหมครับ..ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะได้ แล้วทำไงดีครับ ใครที่เคยทำช่วยบอกด้วยครับ..

[บุคคลทั่วไป]

คดีนี้ฟ้องวาจา อัยการอ่าจมีปัญหา เพราะเป็นสำนวนเก่า อัยการต้องฟ้องเต็ม และต้องมีประวัติ รับรองได้อัยการไม่ฟ้องวาจา แนะนำให้จับในคดีเสพ ฝากขังในคดีเสพ ทำคดีเสพขับเป็นคดีหลัก ฝากขังในคดีเสพ แล้วค่อยไปแจ้งข้อหา ทำเสียทรัพทีหลัง พอได้ประวัติ แล้วค่อยส่งไปให้อัยการแขวง โดยแจ้งว่า ผตห.ถูกขังอยู่ในคดีอ่่น สำเนาฝากขังไปด้วย อัยการสามารถย่่นฟ้องศาลแขวงได้ โดยขอให้เบิกตัว ผตห.ซึ่งอยู่ในเรือนจำมาฟ้องได้ หรือถ้า ผตห.ประกันในคดีเสพขับ ก็ให้นำหมายจับคดีทำให้เสียทรัพไปจับมาดำเนินการผัดฟ้องฝากขังต่อไป อย่าไปจับคนๆเดียว2ครั้ง อย่าไปจับทั้งเสพขับและหมายเก่า หรือถ้าคนจัยเขาจับมา ก็ให้แนะนำ ว่าคดีหมายจับ พงส.จัดการเอง ถอนหมายได้เหมือนกัน

[คิวมูลลัส]

กรณีจับความผิดซึ่งหน่้าแล้วพบว่ามีหมายจับคดีอื่นด้วย หรือ กลับกันในกรณีจะจับตามหมายแต่พบความผิดซึ่งหน้าอีกฐานหนึ่งด้วย (แขวงจังหวัดเดียวกันหรือต่างชั้นศาลกัน) ตกลงจะจับไงควบคุมไง ผมเคยแนะนำ พงส. ท่านอื่นๆ ไปดังนี้

1) ปัญหาแรกคือ โดยหลักการแล้วผู้ต้องหาต้องถูกควบคุมต่อหางกันไปทีละคดี (นับโทษต่อ) หากไปจับทุกคดีและควบคุมทุกคดีพร้อมกัน จะมีผลเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้ติดคุกน้อยลง (โกงด้วยเทคนิค) ยกตัวอย่าง คดีซึ่งหน้าติด 4 ปี คดีหมายจับติด 4 ปี จึงควรติด 2 คดี รวม 8 ปี แต่เมื่อจับและควบคุมซ้อนเวลาเดียวกัน อัยการมักจะไม่รู้ว่ามีอีกคดีหนึ่งเพราะในสำนวนที่รับแจกมามีเลข ฝ.ของตัวเอง อัยการฯ จึงมิได้ขอนับโทษต่อ ดังน้ันแทนที่ผู้ต้องหาก็จะติดคุก 2 คดีรวมกัน 8 ปี กลับติดคุกรวมกันเพียง 4 ปี ผู้ต้องหาได้กำไรไป 4 ปี (4 ปีคดีหลังมันซ้อนเวลาอยู่กับ 4 ปีในคดีแรก)

2) ปัญหาต่อไปคือ แล้วจะทำอย่างไร วิธีที่ถูกคือ จับคดีเดียวแล้วอีกคดีอายัด สำนวนอายัดอัยการจะฟ้องนับโทษต่อ ส่งผลให้ผู้ต้องหาติดคุก 2 คดีครบถ้วนไม่ตกหล่น

3) ปัญหาถัดไปอีก คือ แล้วจะจับและควบคุมอันใหนก่อนอันใหนหลัง คดีใหนจะอายัด... อีกอย่างคดีหลังจะอายัดจะต้องมีหมายจับนะ..เดี๋ยวเรือนจำไม่รับอายัด ถ้าจับตามหมายจ้บที่มีไปแล้ว ต่อไปจะเอาหมายจับใหนไปอายัดเรือนจำอีก.. ไปขอหมายจับใหม่ศาลบางท่านก็ไม่ให้หมายจับอ้างว่าได้ตัวแล้ว... พอมาถึงตอนนี้ พงส.หลายท่านบอกว่ายุ่งตายห่... วัดดวงให้จับและควบคุมทุกคดีพร้อมกันไปเลยดีกว่า ต่างคดีก็ต่างเลขฝากขังไป สะดวกสบายกว่ากันเยอะ (ผลคือวกกลับสู่ข้อ 1 คือ เป็นการช่วยผู้ต้องหาให้ติดคุกน้อยลงเช่นเดิิม)

4) (ผมไม่เคยทำเอง) แต่ผมเคยแนะนำไปว่า ควรจับและความคุมในความผิดซึ่งหน้าเป็นคดีแรกเพียงคดีเดียว.. ในบันทึกจับกุมคดีแรกบรรยายเพิ่มลอยไปในย่อหน้าก่อนจบว่า อนึ่งตรวจสอบแล้วเป็นบุคคลตามหมายจับที่.. สภ... ด้วย (แต่ไม่ลงข้อความว่าได้จับตามหมายนั้น) อันนี้เพื่อให้ผู้จับสบายใจว่า พงส.จะอายัดต่อและเป็นหลักฐานการได้ตัวตามหมายจับแล้ว แล้วระหว่างการควบคุมคดีแรก คดีสองที่มีหมายจับก็อายัดตัวสอบปากคำ แต่ พงส. ยังไม่ต้องถอนหมายจับน่้ัน ให้เอาหมายจับนั้นแหละส่งไปเรือนจำเพื่ออายัดต่อ เมื่อสอบสวนเสร็จก็ระบุหน้าสำนวนว่าผู้ต้องหาอายัด ต่อไปอัยการฯ ก็จะฟ้องนับโทษต่อไปตามสเต็บเอง.. ทางนี้ผู้ต้องหาถูกคุมขัง 2 คดี ครบตามจำนวนโทษรวมไม่มีซ้ำซ้อน และหากระหว่างอายัดผู้ต้องหาปล่อยตัวมาตามอายัด ก็รับตัวไว้ควบคุมในคดีหลังได้ ไม่ซ้ำซ้อนเวลากันเช่นกัน

5) ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้กลับเป็นคนจับ เขาอยากระบุในบันทึกจับกุมว่าได้จับทั้งสองคดีทั้งความผิดซึ่งหน้าและตามหมายแล้ว เพราะอยากได้แต้มผลงานจับกุมครบทั้ง 2 คดี และสามารถตัดยอดหมายจับค่้างเก่าได้ด้วย อันนี้ยังเป็นปัญหา ที่จริงถ่้าอธิบายกันให้ชัดว่าระบุลอยไว้ในบันทึกจับกุมตามที่ผมแนะนำในข้อ 4) ก็น่าจะคิดแต้มได้ ส่วนหมายจับก็น่าจะตัดยอดได้เลย หรือ อย่างช้าก็เมื่ออัยการฯ ฟ้องคดีอายัดน้ันและ พงส.ขอถอนหมายจับ.. แต่ในทางปฏิับัติคนจับหลายคนก็ไม่ยอม เขาต้องการจะระบุในบันทึกจับกุมว่าจับแล่้วท้ัง 2 คดี พอบันทึกจับกุมระบุมางี้.. พงส. รับมาก็ไม่กล้าลงควบคุมเพียงคดีเดียว..เพราะกลัวจะทะเลาะกัน สุดท้าย พงส.ก็ลงควบคุมไปพร้อมกัน 2 คดี และไปฝากขัง 2 คดี..ทุู๊กที

[คิวมูลลัส]

6) แม้ 2 คดี จะเป็นคดีต่าง สภ. กัน ก็ทำแบบเดียวกันได้ คือ จับและควบคุมในคดีความผิดซึ่งหน้าคดีเดียว โดยบันทึกจับกุมกล่าวถึงหมายจับในคดีหลังแต่ไม่ระบุว่าจับตามหมาย.. จากนั้น พงส.คดีหลัง แจ้งอายัด แล้วส่งหมายจับไปอายัดเรือนจำไว้... ดังนั้นกลไกไม่ว่า 2 คดีจะอยู่ สภ.เดียวกัน หรือ ต่าง สภ. กัน ก็จะเหมือนกันทุกอย่าง

7) แม้คดีต่างช้ันศาลกันก็ไม่มีีปัญหา เช่น คดีแรกศาลแขวงผัดฟ้อง คดีหลังศาลจังหวัดอายัด หรือ คดีแรกศาลจังหวัดฝากขัง คดีหลังศาลแขวงไม่มีตัวแต่ผัดฟ้อง ฯลฯ ในคดีหลังทั้งสองกรณีก็สรุปหน้ารายงานการสอบสวนว่าผูู้ต้องหาอายัด อัยการฯ ก็จะฟ้องนับโทษต่อทุกคดี

[คิวมูลลัส]

เพิ่มอีกหน่อย หมายจับที่อายัดเรือนจำไว้ เมื่ออัยการฟ้องแล้วจึงจะขอถอนหมาย..แต่ทั้งนี้อย่าไปลืมถอนหมายโดยเด็ดขาด.. เดี๋ยวจะโดนผู้ต้องหาร้อง เพราะเมื่อ ผตห.ประกันตัวคดีหลังและเรือนจำปล่อยแต่กลับยังติดอายัด ผตห.ต้องถูกส่้งตัวกลับมาที่ สภ. ที่อายัด ตรวจสอบแล้วจึงจะได้รับการปล่อย ทำให้ปล่อยช้า บางที พงส.เจ้าของคดีย้ายไปแล้ว กว่า พงส.เวรจะตรวจสอบรู้ ผตห.ก็ต้องนอนห้องขังไปอีกคืนจึงได้รับการปล่อย ฯลฯ ถ้า ผตห.ร้องเมื่อไหร่ พงส.เจ้าของคดีเดิมก็เสร็จเมื่อนั้น.. และอาจพ่วง พงส.เวรที่รับตัวขังไปด้วยครับ (ก่อนจะขังไม่ตรวจสอบให้ชัดก่อนว่ามีเหตุขังได้จริงหรืิอไม่)