ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
พนักงานสอบสวนเมืองน้ำดำ กูรู


เข้าร่วมเมื่อ: 15/11/2009 ตอบ: 450
|
ตอบ: 16/03/2013 9:27 am ชื่อกระทู้: ภรรยามีกิ้ก สามีจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีและนำรถยนต์ไป |
|
|
สามีเห็นภรรยา(ไม่จดทะเบียน)โทรศัพท์บ่อยครั้ง จึงได้สงสัยและสืบจนทราบว่าภรรยามีกิ้ก จึงขอเลิก แต่ภรรยาขอร้อง สามีให้อภัย ต่อมาไม่นานภรรยาโทรอีกสามีจับได้ว่าเป็นชายคนเดียวกันและคงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแน่นอน จึงได้ขอเลิกกับภรรยาและนำรถยนต์ที่เป็นกรรมสิทธิรวมไป ภรรยาอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยหากเลิกกันต้องแบ่งรถยนต์ดังกล่าว หากฝ่ายชายไม่ยอมจะดำเนินคดีลักหรือยักยอกทำนองนั้น และฝ่ายหญิงยังจะดำเนินคดีกับญาติของสามีที่ช่วยขับรถยนต์ไปกับสามีอีกด้วย อย่างนี้ร้อยเวรหากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจะทำอย่างไร ผิดยักยอกหรือลักทรัพย์หรือไม่ผิด หรือเป็นแค่ พ.ร.บ.ความรุนแรง หากเป็น พ.ร.บ.ความรุนแรง จะดำเนินการกับญาติของสามีทีนำรถไปพร้อมกับสามีอย่างไร โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ผิดยักไม่ผิดลัก แต่อาจผิด พรบ.ฯดังกล่าว แล้วหากผิด พ.ร.บ.ฯดังกล่าว ในส่วนคดีของญาติของสามี จะดำเนินการอย่างไร
ลิงก์ผู้สนับสนุน Sponsored Links
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
พงส.ละอ่อน ผู้ชำนาญการ


เข้าร่วมเมื่อ: 08/12/2007 ตอบ: 1026
|
ตอบ: 16/03/2013 9:48 am ชื่อกระทู้: ภรรยามีกิ้ก สามีจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีและนำรถยนต์ไป |
|
|
ญาติสามีเชื่อโดยสุจริตว่ารถยนต์เป็นของสามี เมื่อสามีใช้ให้ขับรถให้โดยใช้อยู่เป็นประจำก่อนเกิดเหตุการกระทำของญาติสามีจึงไม่เป็นการร่วมกันกับสามี ภรรยาที่ไม่จดทะเบียนสมรสเป็นเพียงหุ้นส่วนกับทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่ร่วมกัน เมื่อภรรยามีกิ๊กก็เป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ที่จะอยู่ร่วมกันฉันท์สมีภรรยา ก็ต้องมีการทะเลาะเบาะแว้งและโต้เถียงกันสามีจึงบอกเลิกกับภรรยาความรุนแรงในครอบครัวจึงเกิดจากภรรยามีกิ๊ก ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างอยู่ร่วมกันที่ไม่ใช่สินเดิมก่อนอยู่ร่วมกันย่อมเป็นของหุ้นส่วนชีวิตทั้งสองคน การที่สามีทะเลาะกับภรรยาแล้วแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำทรัพย์สินที่เกิดในระหว่างอยู่ร่วมกันไปขาดเจตนาลักทรัพย์/ยักยอก เห็นเป็นอย่างนี้ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
เดาตามกฎหมาย กูรู


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2011 ตอบ: 516
|
ตอบ: 16/03/2013 4:34 pm ชื่อกระทู้: ภรรยามีกิ้ก สามีจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีและนำรถยนต์ไป |
|
|
การเป็น พงส. จะเก่งเรื่องอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ต้องมีความรู้ในทางแพ่ง เมื่อสามีกับภริยาไม่จดทะเบียนสมรส จึงไม่ต้องไปดูบรรพ 5,6 คงใช้ บรรพ 4 เรื่องกรรมสิทธิรวม หากเป็นทรัพย์หามาด้วยรวมกัน ก็เป็นกรรมสิทธิรวม การจัดการทรัพย์สินต้องจัดการร่วมกัน หากประสงค์ขอแบ่ง ต้องแบ่งคนละกึ่งหนึ่ง เมื่อแยกทางกัน หากทรัพย์อยู่กับภริยา สามีก็ต้องแจ้งให้ภริยาทราบว่า ต้องการทรัพย์สินคืนกึ่งหนึ่ง หากภริยาไม่คืน(รถยนต์ยังอยู่) สามีก็ถูกโต้แย้งสิทธิ ก็สามารถนำคดีฟ้องเรียกร้องทางแพ่งได้ แต่หากภริยาเอาไปขายแล้ว ก็เป็นอำนาจของเจ้าของรวมสามารถขายได้ เพราะการแบ่งรถยนต์ คงเอามีดไปตัดผ่าคนละครึ่งย่อมไม่ได้ แต่เงินที่ได้จากการขาย ต้องกันให้คุณสามีกึ่งหนึ่ง หากไม่ให้สามี คุณภริยาก็มีเจตนายักยอก จึงเป็นความผิด |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
หนวด สมาชิก


เข้าร่วมเมื่อ: 29/08/2012 ตอบ: 155
|
ตอบ: 16/03/2013 5:05 pm ชื่อกระทู้: ภรรยามีกิ้ก สามีจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีและนำรถยนต์ไป |
|
|
น่าจะลองดำเนินคดีดูนะครับ เวลาสืบพยานจะน่าฟังมาก เพราะเวลาที่จำเลย(สามี)เบิกความว่าผู้เสียหาย(ภรรยา)มีกิ้ก(ชู้) จึงเก็บเสื้อผ้าหนี(ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ฆ่าทิ้งก็บุญเท่าไรแล้ว)
แต่ผมสงสัยอยู่อย่าง เวลาที่ฝ่ายหญิงไปแจ้งความแล้วมีการสอบสวน แล้วใครต่อใครหลายคนรู้ว่าตนเองมีชู้ หรือว่าสมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้ว |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
พงส.shadow ผู้ชำนาญการ


เข้าร่วมเมื่อ: 26/12/2012 ตอบ: 1060
|
ตอบ: 16/03/2013 7:46 pm ชื่อกระทู้: ภรรยามีกิ้ก สามีจึงได้เก็บเสื้อผ้าหนีและนำรถยนต์ไป |
|
|
ผมเห็นว่าอาจเป็นทั้งท่าน พงส.ละอ่อน และท่านเดาตามกฎหมายได้ หากเพราะเรื่องมีชู้ เลยต้องเอารถไปเก็บไว้ก่อน เกรงว่าอาจเอาไปอำนวยความสะดวกให้กับชู้ เช่นนี้ก็ต้องดูว่าเป็นการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแล้วหรือยัง(โดยทุจริต) ข้อเท็จจริงได้ความว่าหากฝ่ายชายไม่ยอม เป็นการแสดงเจตนาทุจริตแล้วหรือไม่ ถ้าเป็นดั่งท่าน พงส.ละอ่อน ก็ว่ายังไม่เป็นเจตนาทุจริตหรือเจตนาพิเศษ เพราะมีข้อเท็จจริงฟังไปได้ว่าไม่ยอมแบ่งเพราะกลัวไม่เป็นธรรมหรือเกรงว่าจะเอาไปให้ชู้ก็เป็นได้เช่นนี้ย่อมไม่มีเจตนาทุจริต ดั่งเช่น พงส.ละอ่อน แต่ถ้าเปลี่ยนข้อเท็จจริงเป็นว่าที่ไม่ยอมแบ่งเพราะฝ่ายชายอ้างว่าเป็นของฝ่ายชายเพียงผู้เดียว การเบียดบังไปเช่นนั้นก็จะเป็นไปโดยทุจริตแล้วได้ จึงเป็นความผิดฐานยักยอกได้ตามท่านเดาตามกฎหมาย จึงต้องดูข้อเท็จจริงให้เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายและหลักกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เพราะโดยทุจริตก็เป็นเจตนาพิเศษแต่แคบลงกว่าเจตนาธรรมดา คือนอกจากต้องมีเจตนาธรรมดาแล้วยังต้องมีเจตนาพิเศษด้วยนั้นเอง เช่นนี้หรือไม่ครับ... |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|
|
|