ไม่ได้ทำร้ายเจ้าทรัพย์ แต่ทำร้ายตำรวจ เป็นพยายามปล้นหรือปล้นหรือไม่

[พนักงานสอบสวนเมืองน้ำดำ]

นาย ก,ข และ ค ไปลักทรัพย์นาย ง ระหว่างนั้นนาย ง ตื่นขึ้นมาเห็นนาย ก.กับพวกกำลังลักทรัพย์(งัดตู้เซฟอยู่ชั้นล่างของบ้าน) จึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจที่อยู่ใกล้เคียง เจ้าพนักงานตำรวจมาเห็นกำลังจะลากตู้เซฟไปที่นอกบ้านจึง ได้ต่อสู้กับนาย ก ข และ ค ตำรวจได้รับบาดเจ็บและจับกุมนาย ก ได้ ส่วนนาย ข และค หลบหนีไป และไม่สามารถเอาทรัพย์สินในตู้เซฟไปได้ (แต่ตู้เซฟเคลื่อนทีแล้วครับ เพราะดึงตู้เซฟจากมุมหนึ่งของบ้านมางัดอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งมืดกว่าแต่งัดไม่ได้ และกำลังจะลากไปนอกบ้าน(ขณะตำรวจเห็นอยู่ตู้เซฟนั้นอยู่หน้าประตูนอกบ้านแล้วแต่ยังอยู่บริเวณรั้วบ้าน)
ถามว่า คนร้ายไม่ได้ทรัพย์ในตู้เซฟไป แต่ตู้เซฟเคลื่อนที่ และไม่ได้ทำร้ายเจ้าทรัพย์ เพียงแต่ทำร้ายตำรวจเท่านั้น จะผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ หรือพยายามลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ หรือพยายามปล้นทรัพย์

ลิงก์ผู้สนับสนุน Sponsored Links

[dif]

ทรัพย์มันเคลื่อนที่แล้ว ลักสำเร็จแล้ว เมื่อยังไม่ขาดตอน ใช้กำลังประทุษร้าย ตร.ก็ครบองค์ประกอบชิงทรัพย์ เมื่อตัวการ ๓ คน ก็เป็นปล้นทรัพย์สำเร็จครับ

[พนักงานสอบสวนเมืองน้ำดำ]

ขอบคุณท่านดิฟ

[kasetcity]

องค์ประกอบในความผิดฐานปล้นทรัพย์ คือ ชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป "ชิงทรัพย์" คือ ลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (๑) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป.....(๕) ให้พ้นจากการจับกุม กรณีดังกล่าวการลักทรัพย์สำเร็จแล้ว เนื่องจากทรัพย์เคลื่อนที่ แต่การลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบในขณะลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอน คนร้ายทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเจตนาเพื่อ(๑) และ (๕) ครบหลักเกณฑ์ปล้นทรัพย์ทุกประการแล้วครับ และต้องไม่ลืมข้อหา ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานตาม ม.๒๙๖ ประกอบ ม.๒๘๙(๒)ด้วยนะ แต่เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงบทหนักคือ ฐานปล้นทรัพย์

[ลูกแม่ปิง]

ฝากเป็นข้อคิด ที่เคลื่อนที่ไปนั้น เป็นสิ่งคุ้มครองทรัพย์(ตู้เซฟ) มิใช่ทรัพย์ที่คนร้ายมุ่งประสงค์ ทรัพย์ที่คนร้ายมุ่งประสงค์คือทรัพย์ในตู้เซฟ การเคลื่อนที่ของตู้เซฟจึงเป็นการเคลื่อนที่ของ"สิ่งคุ้มครองทรัพย์ " ถ้าจะตีความหยาบๆว่า ตู้เซฟก็เป็นทรัพย์ "ถูกต้อง" แต่จากพฤติการณ์คนร้ายคงไม่ต้องการยกตู้เซฟทั้งตู้หนีไปเพื่อเอาไปทุบหรือเปิดที่อื่น โดยพฤติการณ์พิเคราะห์เห็นว่าตัวตู้เซฟมิใช่ทรัพย์ที่คนร้ายต้องการยึดถือไปตั้งแต่แรก หากจะยกไปทั้งตู้คงไม่งัดแงะ การเคลื่อนที่ไปของตู้เซฟก็เพียงเพื่อจะหาวิธีงัดแงะเอาทรัพย์ที่อยู่ภายใน ส่วนพฤติการณ์คนร้ายต่อสู้กับตำรวจ เห็นด้วยเข้า ม.๓๓๙วรรค ๑ (๑),(๕)
จึงเห็นว่าเมื่อยังเปิดตู้เซฟไม่ได้ จึงเป็นพยายามลักทรัพย์ และเมื่อเป็นพยายามลักทรัพย์ จึงเป็นพยายามปล้นทรัพย์
เห็นต่่างได้นะครับ

[ยุติ]

ขอแจม...นะครับ

ท้ายสุด...เป็น "ดุลพาห"

พินิจ พิเคราะห์ พยานหลักฐานในสำนวน

ของท่าน...ผู้มีอำนาจในการชั่งน้ำหนัก...

พยานหลักฐานบนศาลยุติธรรมครับ

ทั้งนี้...ขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน

ของเจ้าพนักงานต้นธารกระบวนยุติธรรม

ซึ่งตั้งข้อกล่าวหาสรุปความเห็นควรไปแล้ว

ท่าน...ยกบัตร อาจ...เปลี่ยนแปลง แก้ไข

เพิ่มเติมได้ หรือ อาจจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องก็ได้ครับ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำ"วินิจฉัย" ว่า...จักมี...อย่างไร ?

ภายใต้ สัมมาฑิฐิ ครับ !!!

[dif]

น่าคิดเหมือนกันนะครับ ที่ลูกแม่ปิงให้ความเห็นมา ถ้าเจตนามันจะแค่เอาเงินในเซฟ แต่ถ้าเกิดกรณีเดียวกัน มันก็หวังเอาเงินในเซฟเช่นกัน แต่หิ้วขึ้นรถไป 3 กม.แล้วจึงไปงัดเงินในระหว่างทาง จนกว่ามันจะงัดเงินได้เลยหรือไม่จึงจะลักสำเร็จ ฝากไว้ให้คิดนะครับ แต่ถ้าผมฟ้องก็ต้องฟ้องปล้นทรัพย์สำเร็จครับ แต่ก็เห็นต่างได้นะครับ จะได้หลายมุมมอง

[พงส์๒๕๕๓]

เจตนาเจาะเ้ซฟเอาของในตู้เซฟ เหตุการณ์เปลี่ยนเจตนาก็เปลี่ยนเป็นยกเซฟทั้งใบออกมาแทนการเจาะเอาเฉพาะสิ่ง เซฟที่เคลือนที่ก็คือทรัพย์ที่ต้องถูกปรากฎในบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายและคำนวณราคาได้ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาว่าเจตนาสุดท้ายต้องการเอาไปทั้งเซฟ

สรุป ปล้นสำเร็จแล้วครับ โดยมีทรัพย์ถูกประทุษร้ายได้แก่ ตู้เซพ และทรัพย์ภายใน

[ยุติ]

ถ้าตามกระทู้...ที่ถาม นะครับ

แบบนี้...จะทำความ "เห็นควร" ว่าอย่างไร ? ครับ

หรือจัก...ร่าง ฟ้อง ข้อหาใด ? บ้างครับ

กรรมเดียวหลายบท หรือ ต่างกรรมต่างวาระ ครับ