Facebook Page สอบสวน 599 Twitter สอบสวน 599 Youtube สอบสวน 599 facebook group สอบสวน 599 เพิ่มเพื่อน

sobsuan.com :: ดูกระทู้ - คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบหรือไม่..แค่นี้ "สังคม"ก็ตอบได้
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบหรือไม่..แค่นี้ "สังคม"ก็ตอบได้
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    sobsuan.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ฟอกเงิน สตง.
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
พงส.อาชีพ(อิสานใต้)
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้ทรงคุณวุฒิ


เข้าร่วมเมื่อ: 12/12/2007
ตอบ: 3748

ตอบตอบ: 03/12/2011 11:35 am    ชื่อกระทู้: คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบหรือ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



คุณ "โก้" หรือ "สังคม"....เป็นผู้ให้คำตอบว่า
........
เส้นทางการเงิน......

ป.ป.ง.เผยอีก 1 เดือน สอบเส้นทางเงินสุพจน์เสร็จ
ป.ป.ง.เผยอีก 1 เดือน สอบเส้นทางเงินสุพจน์เสร็จ (ไอเอ็นเอ็น)

ปปง. เผย อีก 1 เดือน สอบเส้นทางการเงิน "สุพจน์" เสร็จ พร้อมขอเก็บข้อมูลเป็นความลับ


พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า การติดตามเส้นทางการเงินของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม มีความคืบหน้าพอสมควร คาดว่าจะรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงินได้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งที่เร่งรัดไม่ได้ เพราะมีรายละเอียดมาก ต่างจากการสอบสวนของหน่วยงานอื่น ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยหากรวมข้อมูลเส้นทางเงินเสร็จ จะยื่นกรรมการเห็นชอบต่อไป

[30 พฤศจิกายน] ตำรวจเผยยังไม่ชัด สุพจน์ จะเข้าให้ปากคำวันไหน



ตร.เผยยังไม่ชัดอดีตปลัดคค.พบพงส.วันไหน (ไอเอ็นเอ็น)
รอง ผกก.สน.วังทองหลาง เผย ยังไม่ชัด อดีตปลัด คค. เข้าพบให้ปากคำเพิ่มเติมวันไหน ส่วน "ไอ้โก้" เคลื่อนไหว ที่ชายแดนลาว กับนครพนม
พ.ต.ท.โสภณ ยานะธรรม รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.วังทองหลาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการประสานให้ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม มาให้ปากคำเพิ่มเติมรอบที่ 2 กรณีที่ถูกคนร้ายบุกปล้นเงินสดจากบ้านพักในซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทางพนักงานสอบสวน ได้พยายามติดต่อและนัดวันเพื่อให้เข้าให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการประสานกลับมาว่าจะสะดวกเข้าให้ปากคำเมื่อใด ส่วนการจะเข้าให้ปากคำเมื่อใดนั้นเป็นสิทธิ์ที่ผู้เสียหายสามารถกำหนดได้ ซึ่งตนไม่อยากให้มองว่า ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่ต้องให้โอกาสผู้เสียหายได้พิจารณาก่อน ส่วนข่าวที่ว่านัดไปวันที่ 6-7 ธ.ค.นั้น เป็นการประสานไป แต่ไม่ใช่เป็นการออกกฎหมายให้ผู้เสียหายมาในวันดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการติดตามตัว นายโก้ หรือ นายวีรศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งที่มีข่าวว่า ทางการลาวสามารถจับกุมตัวได้และกำลังประสานขอส่งตัวมาให้ทางการไทยนั้น พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ไม่มีแต่อย่างใด แต่ข้อมูลล่าสุดพบว่าเคลื่อนไหวอยู่แถบชายแดนลาวใกล้ จ.เลย และนครพนม ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ยังพบว่าเคลื่อนไหวอยู่ชายแดนพม่า


ป.ป.ช. ไม่เปิดเผยรายละเอียด ตรวจค้นบ้านสุพจน์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุดอทคอม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ไม่เปิดเผยรายละเอียดตรวจค้นบ้านสุพจน์ – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เผย พบ โก้ หัวหน้าแก๊งปล้น อยู่แถบชายแดนลาว เร่งล่าตัวแล้ว

ช่วงบ่ายวันนี้ (29 พฤศจิกายน) มีรายงานความคืบหน้าคดีปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมตำรวจจาก สน.วังทองหลาง นำหมายค้นเข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในบ้านพักของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมมีการสอบปากคำนายสุพจน์

โดย นายวรวิทย์ สุขบุญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวภายหลังการค้นและสอบปากคำว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดในการตรวจค้นทรัพย์สินของนายสุพจน์ได้ รวมทั้งไม่สามารถระบุจำนวนเงินที่อยู่ภายในบ้านได้ แต่หลังจากนี้จะนำข้อมูลและหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นบ้านพักทั้ง 2 หลังของนายสุพจน์รายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้รับทราบภายในวันนี้ (29 พฤศจิกายน)

ส่วนความคืบหน้ากรณีการติดตามตัว นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ นายโก้ หัวหน้าแก๊งจารกรรมเงินสดจากบ้านพักของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่และประสานไปยังตำรวจลาว ให้ช่วยติดตามตัว พบว่า นายโก้ หลบหนีไปยังประเทศลาวจริง โดยเคลื่อนไหวอยู่แถบชายแดนลาวใน 5 จังหวัด และล่าสุดพบที่บริเวณแถบชายแดน จ.นครพนม

ทั้งนี้ ในแต่ละวัน ผู้ต้องหาจะย้ายที่กบดานไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่ได้ไปอาศัยอยู่กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี และมั่นใจว่าจะสามารถติดตามตัวได้อย่างแน่นอน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ป.ป.ช. จ่ออายัดเงิน สุพจน์ เพิ่มเป็น 18 ล้านบาท




นาย สุพจน์ ทรัพย์ล้อม
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

ป.ป.ช. เตรียมขออายัดเงิน อดีตปลัดคมนาคม เพิ่มจากเดิม 15.9 ล้านบาท เพิ่มเป็น 18 ล้านบาท พร้อมเรียกสอบปากคำ เพื่อให้โอกาสในการชี้แจงอย่างเป็นธรรมแน่นอน
วานนี้ (28 พฤศจิกายน) นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการตรวจสอบกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ การร่ำรวยผิดปกติ และการทุจริตต่อหน้าที่ ที่ขณะนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า ตอนนี้กำลังเร่งไต่สวนคดีอย่างเต็มที่ มีการประชุมคณะการทำงานเกือบทุกวัน โดยในวันนี้ (29 พฤศจิกายน) ทางคณะอนุกรรมการจะเสนอเรื่องต่อ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อขออายัดเงินจากเดิม 15.9 ล้านบาท เพิ่มเป็น 18 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ
ทั้งนี้ นายปรีชา ยังกล่าวอีกว่า ทาง ป.ป.ช. จะเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำอย่างแน่นอน เพื่อความเป็นธรรมให้กับนายสุพจน์ได้มีโอกาสชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน แต่อย่างไรก็ตามก็ขอรอดูข้อมูลหลักฐานจากพนักงานสอบสวน ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ก่อนที่จะเรียกนายสุพจน์มาสอบปากคำ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
[28 พฤศจิกายน] ตำรวจยัน โก้ หัวหน้าแก๊งปล้น ยังไม่โดนฆ่าตัดตอน
น.1 ยัน โก้ อยู่ลาวยังไม่โดนฆ่าตัดตอน (ไอเอ็นเอ็น)
ผบช.น. เผย ยัน โก้ หัวหน้าแก๊งทีมปล้นบ้านอดีตปลัดคมนาคม ยังมีชีวิตอยู่ ปัดฆ่าตัดตอน ประสาน ตร.ลาว เร่งล่าตัว ประสานอดีตปลัดเข้าให้การรอบ 2 แล้ว
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้า คดีคนร้ายปล้นเงินสดจากบ้านพักของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ในส่วนของประเด็นการฆ่าตัดตอน นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ โก้ หัวหน้าแก๊งที่เป็นคนกุมความลับสำคัญ ของการปล้นครั้งนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อ และประสานงานไปยังตำรวจลาว ให้ช่วยเร่งติดตามตัวแล้ว แต่ยังไม่มีเบาะแส แต่ยืนยันว่า นายโก้ ยังมีชีวิตอยู่ และยังไม่ถูกฆ่าตัดตอนตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นนอน ส่วนเงินสดในกระสอบและกระเป๋า ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ยังอยู่ในเขตตะวันออกของประเทศ และที่ จ.กาญจนบุรี ส่วน นายโก้ เชื่อว่านำเงินสดติดตัวไปเพียง 4,500,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามจำนวนเงินดังกล่าว

หากกรณีที่มีผู้พบเห็นบุคคลคล้าย นายโก้ ให้ทิปกับสาวเสิร์ฟ ในคาเฟ่แห่งหนึ่งในลาว เชื่อว่า เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ขณะที่การเรียกอดีตปลัดคมนาคม เข้าให้ปากคำเป็นรอบที่ 2 วันที่ 6 ธ.ค. นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปแล้ว เพียงแต่ต้องดูว่าปลัดกระทรวง ให้ข้อมูลวันไหน ทั้งนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมา ปลัดคมนาคมยังคงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ป.ป.ช.ปัดตั้งสินบน 10 ล้านคดีปล้นบ้านสุพจน์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ป.ป.ช.ปฏิเสธตั้งสินบน 10 ล้านบาท กับผู้ที่ชี้เบาะแสที่มาทรัพย์สินของปลัดกระทรวงคมนาคม แต่เป็นระเบียบปกติของ ป.ป.ช. ที่เปิดช่องให้กระทำได้
สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตั้งเงินสินบนสูงสุด 10 ล้านบาท สำหรับคนที่แจ้งเบาะแสทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของปลัดสุพจน์ ทรัพย์ล้อมนั้น

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ออกมาปฏิเสธการตั้งสินบน 10 ล้านบาท กับผู้ที่ให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่มาทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม

แต่ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นระเบียบปกติของ ป.ป.ช.ตามมาตรา 30 ที่กำหนดว่าผู้ใดชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นผลให้ศาลตัดสินยึดทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินให้ผู้นั้นได้เงินสินบนตามระเบียบของป.ป.ช.ในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท

ส่วนกรณีการตรวจสอบที่มาของเงินนายสุพจน์นั้น ประธาน ป.ป.ช.ระบุว่า ทางอนุกรรมการ ป.ป.ช.ที่ตั้งขึ้นจะรายงานเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญนายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม มาสอบถามจำนวนเงินที่แท้จริง เพราะจากที่นายสุพจน์เคยแจ้งจำนวนเงินที่หายไปไว้กับตำรวจ กับเงินของกลางที่ยึดมาได้ไม่ตรงกัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

[27 พฤศจิกายน] ค้นบ้านประพันธ์ 9 จุด ไม่เจอเงิน-เรียก สุพจน์ สอบเพิ่ม 6 ธ.ค.
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

ตำรวจยังคว้าน้ำเหลว ล่าตัวหัวหน้าแก๊งปล้นบ้านปลัดคมนาคม ติดต่อลาวช่วยก็ยังไม่พบตัว ที่เหลืออีก 2 ก็ยังไร้ร่องรอย ขณะที่ค้นบ้านประพันธ์อีก 9 จุดยังไม่พบอะไร เตรียมเรียกสุพจน์สอบเพิ่ม 6 ธ.ค.

ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่ 77ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 เมื่อคืนวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนายสุพจน์อ้างว่าคนร้ายได้เงินสดไปกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับคนร้ายมาได้แล้ว 9 คน พร้อมเงินของกลาง 18 ล้านบาทนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงการติดตามคนร้ายที่เหลืออีก 3 คน คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊ง, นายพงษ์ศักดิ์ นามวงษ์ อายุ 35 ปี และนายคำนวน หรือนวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี ว่าขณะนี้ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อขอความร่วมมือในการติดตามตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ ที่หลบหนีข้ามเขตแดนเข้าไปมาสอบสวน ข่าวที่ว่านายวีระศักดิ์ติดต่อขอเข้ามอบตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานมาแต่อย่างใด

ส่วนที่มีการระบุว่าก่อนที่นายวีระศักดิ์จะหนีไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้แวะเข้าไปที่บ้านในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี คาดว่าจะนำเงินสดที่ได้จากการปล้นไปซุกซ่อนไว้นั้น พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ได้สั่งให้ บก.สส.บช.น.ลงพื้นที่ค้นบ้านของนายวีระศักดิ์แล้ว แต่ไม่พบเงินของกลางแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายประพันธ์ หรือพันธุ์ เรียงเครือ อายุ 38 ปี ทาง พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอหมายค้นบ้านและจุดต้องสงสัยของนายประพันธ์อีก 9 จุด อยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี 7 จุด พื้นที่ จ.นครนายก 1 จุด และอีกจุดเป็นสถานที่ทำงานและลานจอดรถของนายประพันธ์ที่ทำงานสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยง เนื่องจากยังเชื่อและมั่นใจว่านายประพันธ์ยังซุกซ่อนเงินไว้ตามสถานที่สงสัยต่าง ๆ อีก

"ขณะนี้ยังต้องรอยืนยันทรัพย์สินที่ยึดได้จากคนร้ายให้นิ่งก่อนว่ามีจำนวนเท่าใด เพราะยึดมาได้แค่ 18 ล้านบาท หลังจากนั้นจะเรียกนายสุพจน์มาสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า โดยจะสอบถามในประเด็นทรัพย์สินที่คนร้ายบุกเอาไปกับความเสียหายที่นายสุพจน์แจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องเงินสดของกลาง" พล.ต.ท.วินัยกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวว่า ขณะนี้มีการแบ่งพื้นที่ให้ตรวจสอบเงินของกลางที่คาดว่านายประพันธ์จะนำไปซุกซ่อนตามที่ต่าง ๆ เพราะผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ซึ่ง สน.วังทองหลางนั้นรับผิดชอบในส่วนของที่ทำงานและลานจอดรถ และเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ก็ได้มีการนำรถเบนซ์สีเขียว รุ่นซี 180 ทะเบียนฎส. 3018 กทม. ของนายประพันธ์มาตรวจสอบ โดยมีนายประจวบ เรียงเครือ พี่ชายมาเป็นพยาน ก่อนส่งคืนไปเนื่องจากพบว่ารถคันดังกล่าวจอดหนีน้ำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ก่อนวันเกิดเหตุ ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดี และผลการตรวจสอบก็ไม่พบเงินหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ขณะเดียวกันก็ได้สั่งให้ พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง นำทีมตรวจค้นตามแหล่งสงสัยว่านายประพันธ์จะนำเงินสดไปซุกซ่อนไว้อีก

ขณะที่ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.บก.สส.บช.น. เปิดเผยถึงการประสานงานกับทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวให้ช่วยติดตามหาตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งปล้นรายนี้ว่า กำลังรอผลอยู่ เนื่องจากตำรวจลาวยังไม่พบตัว อย่างไรก็ตามได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามแนวชายแดนเพื่อประสานงานกับตำรวจลาวในการติดตามคนร้ายรายนี้ด้วยแล้ว

ต่อมาในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศววิบูลย์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สน.วังทองหลาง เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้า คดีปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจค้นจำนวน 9 จุด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครนายก และ สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับนายประพันธ์ และเครือญาติ ซึ่งจากการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ยังไม่พบเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด และยังไม่มีญาติ หรือคนรู้จักนายประพันธ์ ประสานนำเงินมาคืน หรือมอบตัวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พ.ต.ท.วิวัฒน์ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. นี้ พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้ประสานขอเข้าสอบปากคำอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมเพิ่มเติมด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ยังให้การไม่ตรงกับจำนวนเงินที่หายไป โดยสถานที่สอบน่าจะเป็นพักของอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมเอง ส่วนจะมีความผิดฐานให้การเท็จหรือไม่ ต้องรอให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเสียก่อน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ผบช.น.คาด สัปดาห์หน้าเรียกสุพจน์สอบเพิ่ม (ไอเอ็นเอ็น)

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คาด สัปดาห์หน้า เรียก อดีตปลัดคมนาคม เข้าสอบปากคำรอบ 2 ระบุ รอความชัดเจนเรื่อง จำนวนเงินของกลาง

วันนี้ (26 พฤศจิกายน) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลา เพื่อเรียก นายสุพจน์ เข้าให้ปากคำรอบ 2 เนื่องจากอยู่ระหว่างการติดตามเงินของกลางให้มีความชัดเจนได้มากที่สุดก่อน ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด แต่ก็คาดว่า ในสัปดาห์หน้า น่าจะมีการเรียก นายสุพจน์ เข้าให้ปากคำอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่ นายสุพจน์ จะเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงทุกเรื่องที่ถูกกล่าวหานั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ของนายสุพจน์ แม้ว่าข้อมูลในเรื่องจำนวนเงินจะสวนทางกับหลักฐาน และแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตาม ซึ่งก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกับแนวทางการสืบสวน และล่าสุดแนวทางการสืบสวนนั้น ก็ยังไม่มีการมุ่งไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะขณะนี้ พนักงานสอบสวน มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับคดีปล้นทรัพย์ ส่วนการดำเนินการเรื่องที่มาที่ไปของเงินว่า ถูกต้องหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. และ ปปง. ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ยังมั่นใจด้วยว่า เงินที่คนร้ายได้ไปนั้น มีกว่า 100 ล้านบาท อย่างแน่นอน

[25 พฤศจิกายน] อภิสิทธิ์ ลั่น พร้อมถูกตรวจสอบ ปมรถไฟฟ้า-เงินสุพจน์


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

อภิสิทธิ์ ปฏิเสธเรื่องเงินสุพจน์ ลั่นให้ตรวจสอบเต็มที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.

วานนี้ (24 พฤศจิกายน) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังตรวจสอบเรื่องที่มีการกล่าวหาว่า เงินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อง ที่ถูกขโมยไปนั้น เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อน และทุกฝ่ายก็ต้องให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาคุยกับตนเรื่องนี้ และตนก็บอกว่า ต้องการให้ตรวจสอบเรื่องนี้เต็มที่ ตรงไปตรงมามากที่สุด ส่วนที่ ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า เงินของนายสุพจน์เกี่ยวข้องกับโครงการใหญ่ที่เกิดขึ้นในรัฐบาล ตนเห็นว่า ไม่รู้ว่าหลักฐานคืออะไร

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้านั้น เรื่อง มติ ครม. ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการทุจริตที่อาจมีรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น อันนี้ก็ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนกรณีรถไฟสายสีม่วงที่มีการพุดถึงเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ครม. มีความชัดเจนว่ายอดเงินนั้นไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเเต่อย่างใด หากมีการรวมภาษีมูลค่าเพิ่มถือว่าผิดมติ ครม.

เมื่อถามถึงเรื่อง องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า ที่ไม่ยอมอนุมัติเงินกู้ นายอภิสิทธิ์ให้ความเห็นว่า มีการยกเลิกสัญญาเนื่องจากขาดแคลนคุณสมบัติของบริษัท ส่วนเรื่องคนรับผิดชอบนั้น ต้องไปดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
[24 พฤศจิกายน ] เฉลิมแฉกลางสภาปล้นปลัดคมนาคม ปมโกงรถไฟฟ้า (ไอเอ็นเอ็น)



"ร.ต.อ.เฉลิม " ตอบกระทู้สดแทนนายกฯ กรณีปล้นบ้าน อดีตปลัดคมนาคม ระบุ จะชัดเจนเร็ว ๆ นี้ จัดการเด็ดขาด ไม่มีละเว้น ชี้ อาจเชื่อมโยงทุจริตรถไฟฟ้า สีแดง ม่วง และ ฟ้า ที่ ไจก้า ยกเลิกสัญญากับ ซิโน-ไทย

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อ นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการปล้นบ้าน ปลัดกระทรวงคมนาคม โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้แทน ซึ่ง นายพิเชษฐ์ ตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใด ปลัดกระทรวงคมนาคม จึงเก็บเงินไว้ในบ้านจำนวนมาก จนขนาดที่โจรไม่สามารถขนไปได้หมด แต่กลับอ้างว่า เงินที่ถูกปล้นไปมีเพียง 5 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถยึดเงินคืนมาได้ 17,800,000 บาท ซึ่งหากเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะจัดการอย่างไร

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า เรื่องนี้จะมีความชัดเจนในไม่ช้า เพราะเงินบางส่วนได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า เบิกมาจากจังหวัดอุดรธานี และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว 7 คน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็จะจัดการ โดยไม่มีข้อละเว้น รวมทั้ง เรียกร้องให้ นายโก้ เร่งเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังตั้งข้อสังเกตว่า เงินที่ถูกปล้นในครั้งนี้ น่าจะเป็นเงินที่มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีม่วง สีแดง และสีฟ้า ที่มีการเรียกรับผลประโยชน์ถึง 8% ไม่เช่นนั้น องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า คงไม่บอกเลิกสัญญากับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) อีกทั้ง การที่อ้างว่าเป็นเงินสินสอดนั้น ก็มีมากเกินความเป็นจริง

เพื่อไทย ปูด 2 นักการเมือง เอี่ยวซุกพันล้าน สุพจน์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


เพื่อไทย แฉ มีนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน เอี่ยวเงินพันล้าน สุพจน์ คาดเป็นเงินที่ได้มาอย่างไม่ชอบมาพากลจากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลชุดก่อน โวถ้าตรวจสอบจริง ๆ ถึงขั้นช็อกโลกแน่ รถสิบล้อก็ขนเงินไม่หมด

จากกรณีที่กลุ่มคนร้ายบุกปล้นบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ก่อนส่วนหนึ่งจะถูกตำรวจจับกุมตัว พร้อมยึดเงินของกลางหลายสิบล้านบาท ขณะที่อีกส่วนทยอยเข้ามอบตัว และยังมีบางส่วนหลบหนีการจับกุมอยู่นั้น เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นข่าวที่คนให้ความสนใจกันมาก โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ที่สั่งอายัดเงินของนายสุพจน์ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่า นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม แจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ทางด้านการเมืองก็มีความคืบหน้าถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับจากทางตำรวจและนายสุพจน์ยังไม่ตรงกัน ทำให้สังคมเกิดความสับสน และอยากค้นหาความจริงว่าเงินดังกล่าวที่อยู่ในความครอบครองของนายสุพจน์นั้นได้มาด้วยความบริสุทธิ์หรือไม่ และประชาชนยังเกิดความรู้สึกว่าคนที่เป็นข้าราชการยังมีเงินจำนวนมาเช่นนี้ และคนที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมรวมไปถึงลูกพี่ จะมีเงินจำนวนมากเท่าไหร่

นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า ในช่วงระหว่างที่มีโครงการไทยเข้มแข็งเกิดขึ้น นายสุพจน์ก็มีการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารตลอด จึงเป็นที่สอดคล้องว่าเงินของนายสุพจน์นั้น อาจจะมีที่มาจากโครงการไทยเข้มแข็งหรือไม่

"อยากจะเรียกร้องไปยังตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้มีการตรวจค้นบ้านพักของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมด้วย เพื่อให้สังคมได้คลายความสงสัย" นายก่อแก้วกล่าว

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริต 172 โครงการในรัฐบาลที่แล้วของพรรคเพื่อไทย จะตรวจสอบคู่ขนานอีกทางหนึ่งด้วยแบบเจาะลึก เพราะเห็นว่าทรัพย์สินของนายสุพจน์นั้นน่าจะโยงใยไปถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ไม่ชอบมาพากลในรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งมีข่าวคราวเรื่องการชักเปอร์เซ็นต์กินหัวคิวมาโดยตลอด โดยจะประสานไปยังคณะกรรมาธิการสภาชุดต่าง ๆ เพื่อให้ร่วมตรวจสอบอย่างจริงจัง

"ผมมองว่ากรณีดังกล่าวเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งส่วนหนึ่ง แต่ใต้ภูเขาน้ำแข็งนั้นน่าจะยังมีอีกเยอะ ทราบว่านักการเมืองบางคนกำลังกังวลต่อกรณีการถูกตรวจสอบของนายสุพจน์ ซึ่งหากมีหลักฐานสืบสาวไปถึงนักการเมืองบางคน ที่ทราบว่ามีอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลนั้น อาจจะถึงขั้นช็อกโลก เพราะถ้าไปตรวจสอบในบ้านนั้นอาจพบเงินชนิดที่รถสิบล้อก็ขนไม่หมด" นายพร้อมพงศ์กล่าว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

[23 พฤศจิกายน] ประพันธ์ เข้ามอบตัว ปัดขนเงิน 9 ล้านหนี
รองผบช.น. เผย ประพันธ์ หนึ่งในผู้ต้องหาปล้นบ้าน อดีตปลัดสุพจน์ มอบตัวแล้ว ปัดไม่มีเงิน 9 ล้าน และไม่รู้เรื่องด้วย

วันนี้ (23 พฤศจิกายน) พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดี ปล้นบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ว่า นายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่หลบหนี ได้เข้ามอบตัวต่อ ตำรวจศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น. แล้ว เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการปล้นดังกล่าว และข่าวที่ระบุว่า เป็นคนนำเงินที่ปล้นมาได้ 9 ล้านบาทไปเก็บไว้นั้น ก็ไม่มีด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุด พงส. ได้เค้นสอบอย่างเคร่งเครียด อยู่ในขณะนี้
ตำรวจเผยคดีปล้นบ้าน สุพจน์ ยึดเงินได้ 17.8 ล้าน

รอง ผบช.น. เผยตำรวจตรวจนับเงินของกลางคดีปล้นบ้านอดีตปลัดคมนาคมแล้ว ได้กว่า 17.8 ล้านบาท เร่งไล่ล่าคนร้ายที่เหลืออยู่ ขณะที่ประพันธ์ มอบตัวแล้ว ปัดรู้เห็นปล้นบ้านปลัด

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า ทางตำรวจสามารถยึดเงินของกลางจากการปล้นได้เพิ่มอีก 1 ล้านบาท โดยตามคืนจากแฟนของนายไก่ ที่ถูกจับได้ไปก่อนหน้านี้

ส่วน นายประพันธ์ ที่ว่าจะติดขอมอบตัวเมื่อวานนี้นั้น ล่าสุด เงียบหายไปแล้ว ซึ่งตำรวจก็เร่งติดตามตัวอยู่ ส่วน นายโก้ ที่เป็นหัวโจกแก๊งนี้ คาดว่า จะได้เงินไปมากที่สุด ประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพราะจากคำให้การของผู้ต้องหาบอกว่า ได้นำเงินใส่ทั้งกระสอบและกระเป๋าใบใหญ่และใบกลาง โดยล่าสุด นายโก้ ยังกบดานอยู่ที่ฝั่งประเทศลาว

ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 พฤศจิกายน) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการกองบัญชาการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ทำการตรวจนับเงินของกลางที่สามารถตรวจยึดจากผู้ต้องหาร่วมกันปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้ที่นำเงินมาคืนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงิน 17,800,000 บาท

ทั้งนี้ พล.ต.ต.อิทธิพล ยังกล่าวว่า การตรวจนับเงินของกลางดังกล่าว ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยานในการตรวจนับครั้งนี้ นอกจากนั้น ของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะทำการอายัดไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ส่วนเงินสดในเซฟของผู้เสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจนับได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 พฤศจิกายน พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่หลบหนีได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น. แล้ว เบื้องต้น ได้ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการปล้นดังกล่าว และข่าวที่ระบุว่า เป็นคนนำเงินที่ปล้นมาได้ 9 ล้านบาทไปเก็บไว้นั้น ก็ไม่มีด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุดพนักงานสอบสวนกำลังเค้นสอบอย่างเคร่งเครียดอยู่ในขณะนี้


ปปช.ถกคดีสอบเงินปลัดคมนาคม-จ่อเรียกสุพจน์

ประธานอนุกรรมการ ป.ป.ช. สอบเงินอดีตปลัดคมนาคม "ปรีชา เลิศกมลมาศ" เผย ประชุมวางแผนงานวันนี้ จ่อเรียก "สุพจน์" ให้ข้อมูลช่วงท้าย พร้อมประกาศจะทำงานเป็นกลาง

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีเงินสดในบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะประชุมวางแผนการทำงานในวันนี้ ส่วนการจะเชิญนายสุพจน์มาให้ข้อมูลคงเป็นช่วงท้าย หลังจากได้พยานหลักฐานพอสมควรแล้ว ขณะที่การกันคนร้ายมาเป็นพยาน คือ กรณีผู้ร่วมกระทำผิดให้การเป็นประโยชน์จนหาตัวการหลักมาเป็นพยานให้นำคดีขึ้นสู่ศาลได้ จึงจะเข้ากับกฎหมาย สำหรับเรื่องจำนวนเงินนั้น ยังไม่แน่นอนตามที่เป็นข่าว จึงต้องรอพยานหลักฐานมากกว่านี้

นายปรีชายังไม่หนักใจที่ต้องทำคดีนี้ แม้จะเป็นคดีที่ใหญ่พอสมควร โดยจะทำงานอย่างยุติธรรม เป็นกลาง ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่กลั่นแกล้งใคร


[22 พฤศจิกายน] มติ ปปช.สั่งอายัด 15 ล้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติ สั่งอายัติทรัพย์ปลัดคมนาคม พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนยื่นบัญชีเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ

นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติอายัดทรัพย์สินของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ถูกจารกรรมไป 15 ล้านบาท ที่ตำรวจได้ยึดไว้และมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน 3 ข้อ ดังต่อไปนี้...

1. การยื่นบัญชีเท็จเนื่องจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินนั้นไม่ได้มีการแสดงเงินสดไว้แต่อย่างใด
2. การร่ำรวยผิดปกติซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. สงสัยว่าเงินสดที่ได้มานั้นได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
3. เกี่ยวเนื่องกับการร่ำรวยผิดปกติโดยการกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้จำนวนทรัพย์สินที่มีการแสดงไว้นั้นไม่สามารถเปิดเผยได้และไม่ได้มีการวางกรอบการไต่สวนว่าจะดำเนินการเสร็จเมื่อใดแต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด


ตำรวจคาดโจรปล้นบ้านปลัด ได้เงินแค่ 25 ล้าน

ตำรวจเชื่อจำนวนเงินที่โจรปล้นจากบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมได้ไม่ถึง 200 ล้าน คาดมีประมาณ 25 ล้าน เร่งล่าตัว นายโก้ ผ

ลิงก์ผู้สนับสนุน Sponsored Links
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
พงส.อาชีพ(อิสานใต้)
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้ทรงคุณวุฒิ


เข้าร่วมเมื่อ: 12/12/2007
ตอบ: 3748

ตอบตอบ: 03/12/2011 11:54 am    ชื่อกระทู้: Re: คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

[22 พฤศจิกายน] มติ ปปช.สั่งอายัด 15 ล้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม








เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติ สั่งอายัติทรัพย์ปลัดคมนาคม พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนยื่นบัญชีเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ

นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติอายัดทรัพย์สินของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ถูกจารกรรมไป 15 ล้านบาท ที่ตำรวจได้ยึดไว้และมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน 3 ข้อ ดังต่อไปนี้...

1. การยื่นบัญชีเท็จเนื่องจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินนั้นไม่ได้มีการแสดงเงินสดไว้แต่อย่างใด
2. การร่ำรวยผิดปกติซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. สงสัยว่าเงินสดที่ได้มานั้นได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
3. เกี่ยวเนื่องกับการร่ำรวยผิดปกติโดยการกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่

ทั้งนี้จำนวนทรัพย์สินที่มีการแสดงไว้นั้นไม่สามารถเปิดเผยได้และไม่ได้มีการวางกรอบการไต่สวนว่าจะดำเนินการเสร็จเมื่อใดแต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด


ตำรวจคาดโจรปล้นบ้านปลัด ได้เงินแค่ 25 ล้าน

ตำรวจเชื่อจำนวนเงินที่โจรปล้นจากบ้านปลัดกระทรวงคมนาคมได้ไม่ถึง 200 ล้าน คาดมีประมาณ 25 ล้าน เร่งล่าตัว นายโก้ ผู้ต้องหาคนสำคัญ หนีกบดาน สปป.ลาว

วันนี้ ( 22 พฤศจิกายน) พล.ต.ต. วินัย ทองสอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้แล้ว 7 ราย ยังเหลืออีก 4 ราย โดยมีผู้ที่ลงมือปล้นทั้งหมด 3 คน อีกคนรับฝากเงินไว้ ส่วนนายเอก ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัว ได้ให้การว่าตนเองแค่เป็นคนที่เอาเรื่องไปเล่าให้กลุ่มคนร้ายฟังเท่านั้น ส่วน นายโก้ บุคคลที่ชักชวนแก๊งนี้เข้าปล้นนั้น ปัจจุบันกำลังหลบหนีอยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทางการลาวกำลังเร่งติดตามตัวอยู่

พล.ต.ต. วินัย กล่าวเสริมอีกว่า การฝากขังสามารถฝากขังได้ 7 ครั้ง ครั้งละ 12 วัน รวมเป็น 84 วัน ซึ่งเพียงพอในการสืบค้นพยานและทำสำนวนให้รัดกุม ส่วนเงินที่ผู้ต้องหาบอกว่าปล้นไปได้ถึง 200 ล้านบาทนั้น ยังไม่สามารถเชื่อได้ เพราะมีของกลางที่ยึดมาได้คือเงินจำนวน 16 ล้านบาท และอีกส่วนอยู่ที่ นายประพันธ์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่อีกกว่า 9-10 ล้านบาท รวมเป็น 25-26 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องมีการเรียกตัวปลัดกระทรวงคมนาคมมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงจำนวนเงินที่ปล้นไปอีกครั้ง


คดีปล้นบ้านปลัดฯ พบสายรัดธนบัตร ตรวจสอบย้อนหลังได้

คดีปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคม พบสายรัดธนบัตรมัดเงิน ตรวจสอบย้อนหลังหาที่มาของเงินได้

จากเหตุการณ์ปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายสุพจน์ เจ้าทุกข์ระบุว่า เงินที่หายเป็นเงินสดจำนวน 5 ล้าน และเงินซองช่วยงานแต่งลูกสาว ซึ่งรวมทั้งหมดประมาณ 6 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ทางผู้ต้องหา คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี เป็นหัวหน้าทีมพาลูกน้องรวม 6 คนเข้าไปก่อเหตุ ได้กล่าวอ้างว่า ได้ปล้นเงินจากบ้าน นายสุพจน์ ได้เงินมาราว 200 ล้านบาท และยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งในบ้านที่ยังขนออกมาไม่ได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เร่งสอบสวนคดีดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่ นายสุพจน์ มีเงินเก็บอยู่ไว้ในบ้านเป็นจำนวนมาก และเข้าข่ายการร่ำรวยผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้ประสานไปยังธนาคารเพื่อตรวจสอบข้อมูลของเงินจำนวนดังกล่าว และพบว่า มีเงินส่วนหนึ่งจำนวน 16 ล้านบาท มีสายรัดมัดประทับตราธนาคารทหารไทย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2552 เพื่อหาที่มาของเงินดังกล่าวที่เบิกไป และใครเป็นผู้เบิก

ทางด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ได้เปิดเผยว่า วันนี้ (22 พฤศจิหายน) จะนำเรื่องดังกล่าวสู่เข้าที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ โดยมอบให้เลขาธิการ ป.ป.ช. ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เกี่ยวกับรายละเอียดของจำนวนทรัพย์สิน และถ้าหากมีมูลจะตั้งคณะกรรมการไต่สวน แต่ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวยังคงเป็นเพียงข้อสงสัย ซึ่งต้องให้นายสุพจน์ มาชี้แจงด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








[21 พฤศจิกายน] เอก เผยปมปล้นบ้านปลัด เหตุแค้นแม่โดนไล่ออก








เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์


เอก ผู้ต้องหาคดีปล้นบ้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม เผยปมปล้นเหตุแค้นปลัดคมนาคมไล่แม่พ้นเลขาฯ ไม่เป็นธรรม ด้านตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน มีรายงานว่า นายชยธัช จันนะชัย หรือเอก หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีปล้นบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองคือผู้ให้ข้อมูลเรื่องบ้านของนายสุพจน์ โดยเอาเรื่องข้อมูลบ้านของนายสุพจน์ ที่รู้ว่ามีเงินจำนวนมากอยู่ในบ้าน ไปให้ นายบุญสืบ โจมกัน ผู้ต้องหาอีกราย แล้วนายบุญสืบ ก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งโจร โดยเหตุจูงใจที่ปล้นคือ นายเอกแค้นที่แม่ของตนเองถูกไล่ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ นายเอกได้ออกมาปกป้องว่า วันที่เกิดเหตุนั้น แม่ของตนเองอยู่จังหวัดเลย ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการปล้นแต่อย่างใด ส่วนตนเป็นเพียงผู้นำเรื่องไปเล่าให้ฟัง แต่ในทางกฎหมายอาญา นายเอก มีความผิดเท่ากับทีมปล้น เพราะเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทีมปล้น แต่จากการสืบสวนพบว่า นายเอกยังให้การขัดแย้ง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องช่วงเวลา และสถานที่

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า นายวีระศักดิ์ ได้หลบหนีพร้อมเงิน 200 ล้านบาทไปที่ประเทศลาวจริง เพราะนายวีระศักดิ์ หอบกระเป๋า 2 ใบ และกระสอบ 1 ถุงไปด้วย

ศาลฝากขัง 4 โจรปล้นบ้านสุพจน์ นาน 12 วัน

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยังไม่อายัดเงิน ไม่เรียกตัว "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" มาสอบ รอ ป.ป.ช. ชงอีกที แต่เริ่มตรวจสอบที่มาของเงินพันล้านแล้ว

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยผ่านรายการ เปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง ทางคลื่น FM 102.75 MHz เกี่ยวกับการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มาของเงิน ในคดีปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่มีจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท และมีการกล่าวอ้างว่า มีเงินอีกร่วม 1,000 ล้านบาทในบ้าน ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบข้อมูล รวมถึงประสานงานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย แต่จะยังไม่มีการเชิญอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมเข้ามาชี้แจง

โดย พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า หากมีการตรวจสอบแล้วมีเงิน 1,000 ล้านจริง ก็จะต้องดูว่า ได้มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินไว้หรือไม่ แต่สิ่งที่ ปปง. ทำได้เลย คือ จะรวบรวมหลักฐาน แต่ยังไม่มีการอายัดทรัพย์ แต่เมื่อขั้นตอนต่าง ๆ มีความชัดเจน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที และได้มีการเข้าไปตรวจสอบที่มาของเงิน ที่ถูกยึดมาเป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องใช้เวลาสักระยะ ไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบได้ ขึ้นอยู่กับการประสานงานกับสถานบันการเงิน แต่ยืนยันว่า การทำงานร่วมกับตำรวจ เป็นไปด้วยดี ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขณะเดียวกัน ทางศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน. วังทองหลาง ได้นำตัวนายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน, นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน, นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี, นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา ผู้ต้องหาคดีร่วมปล้นทรัพย์บ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก

จากการสอบสวนผู้ต้องหานั้น ได้ให้การสารภาพว่า ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว, ใช้ยาพาหนะเพื่อกระทำ และพาทรัพย์เพื่อให้พ้นการจับกุม, กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้นั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ, พกพาอาวุธในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้ ทางศาลอาญา ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจวนจะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องสอบปากคำพยานอีก 8 ปาก ซึ่งต้องรอผลการตรวจประวัติอาชญากร, รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม จากเหุตจำเป็นดังกล่าว ทางศาลอาญาจึงต้องขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน - ธันวาคมนี้ และศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ทางผู้ต้องหาได้ได้คัดค้านแต่อย่างใด จึงอนุญาตให้ฝากขังได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[20 พฤศจิกายน] เอก โร่มอบตัววางแผนปล้น 200 ล้าน บ้านสุพจน์








"เอก" ลูกชายอดีตเลขาฯ ส่วนตัวปลัด ก.คมนาคม ผู้ต้องหาตามหมายจับ "ปล้นเงิน 200 ล้าน โร่มอบตัวเพิ่ม ด้าน รอง ผบ.ตร. คุมสอบเอง

พ.ต.อ. ธวัช วงศ์สง่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง เปิดเผย ความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์บ้านพักของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยล่าสุด นายชยธัช จันนะชัย หรือ เอก อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ หรือ รับของโจร ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ ระบุว่า เป็นผู้วางแผนในการปล้นครั้งนี้ พร้อมด้วย นางชุติมา จันทร์ผ่อง มารดา ซึ่งเคยเป็นเลขานุการส่วนตัวของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยภายหลังที่ นายชยธัช เดินทางเข้ามอบตัว พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้คุมตัวไปสอบปากคำที่ห้องทันที

อย่างไรก็ตาม ผกก.สน.วังทอง ยังกล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนยืนยันว่า นางชุติมา เคยเป็นเลขานุการส่วนตัวของ นายสุพจน์ ซึ่งเพิ่งออกจากงานได้เพียง 6 เดือน ส่วนที่ออก เพราะถูกกลั่นแกล้ง โดยให้คนอื่นมาทำงานแทน ทำให้เกิดความอึดอัดใจ จนไปปรับทุกข์กับบุตรชาย ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออกจากงาน จึงอาจเป็นชนวนเหตุให้ นายชยธัช เกิดความเจ็บแค้น วางแผนก่อเหตุดังกล่าว











รวบ 6 โจรปล้นบ้านคมนาคม ยึดคืน 16 ล้าน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงรวบ 6 โจรปล้นบ้านปลัดคมนาคม ยึด เงินสดแล้ว 16 ล้าน ขณะที่ยังไล่ล่าอีก 4 ราย ด้าน เอก จอมวางแผน ประสานมอบตัวบ่ายนี้

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบสำนวนคดีคนร้ายก่อเหตุปล้นเงินสด บ้านพักของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ย่านวังทองหลาง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 12 พ.ย. 2554 ที่ผ่านมา โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย ประกอบด้วย 1. นายวันญกฤต บุตรกันหา หรือ จ่อย อายุ 40 ปี 2. นายบุญสืบ โจมจันทร์ หรือ สืบ อายุ 44 ปี 3. นายวุฒิชัย พันธวารี หรือ วุฒิ อายุ 33 ปี และ นายสมบูรณ์ ริยะเทน หรือ บูรณ์ อายุ 40 ปี โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้จริง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องได้จำนวน 2 ราย รวมผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับกุมตัวได้ 6 ราย ยึดของกลางเป็นเงินสดที่แก๊งคนร้ายขโมยไปได้จำนวน 16,523,000 บาท

อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนทราบว่า จนถึงขณะนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุหลบหนีไปได้อีกจำนวน 4 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขออำนาจศาลออกหมายจับแล้วทั้งหมด โดยหนึ่งในผู้ต้องหาที่หลบหนีและถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะคลี่คลายคดีนี้ คือ นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ โก้ อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊ง

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ในเวลา 12.00 น. วันนี้ นาย ชยธัช จันนะชัย หรือ เอก ซึ่งผู้ต้องหา ให้การว่าเป็นผู้วางแผน และให้ขโมยเงินจำนวน 165 ล้านบาท ออกมาจากบ้านพัก ได้ประสานขอเข้ามอบตัวแล้ว โดยหลังการแถลงข่าว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งหมดด้วย

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.เมืองเชียงราย หนึ่งในหกคนร้ายที่บุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเข้ามอบตัวกับตำรวจ พร้อมนำเงินสดส่วนแบ่ง 1 ล้านบาทมาคืนด้วย ตำรวจจึงทำการสอบปากคำในเบื้องต้น ก่อนจะพาตัวนายสมบูรณ์ไปดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ

โดยญาติของนายสมบูรณ์ที่ติดตามมา เปิดเผยว่า นายสมบูรณ์ ยอมรับสารภาพว่า ได้เข้าร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์จริง พร้อมรับเงินสดส่วนแบ่งมา 1 ล้านบาท จากนั้นนายสมบูรณ์จึงหนีมาซ่อนตัวที่เชียงราย โดยไม่กล้านำเงินที่ปล้นออกมาใช้จ่าย เพราะกลัวชาวบ้านจะสงสัยในความร่ำรวยผิดปกติ และเมื่อได้เห็นข่าวว่า เพื่อนที่ร่วมปล้นถูกจับกุมตัวแล้ว จึงกลัวว่าจะถูกฆ่าตัดตอน หรือถูกวิสามัญฯ จึงเดินทางมามอบตัวดังกล่าว


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[19 พฤศจิกายน] ปลัดคมนาคม แจงโจรปล้นแค่ 6 ล้าน ชี้ถูกดิสเครดิต







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

ปลัดคมนาคม ชี้ ถูกทำลายความเชื่อถือ เผยโจรปล้นไปเพียง 6 ล้าน ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเวลา ด้าน ป.ป.ช. แจงนายสุพจน์ยื่นทรัพย์สินถึง 16 ครั้ง

วานนี้ (18 พฤศจิกายน) นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ ผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลการปล้นทรัพย์สินจากบ้านพักว่าได้เงินสดไป 200 ล้านบาท แล้วภายในบ้านยังมีเงินเหลืออยู่อีก ประมาณ 700 - 1,000 ล้านบาทนั้น ว่า เป็นขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเงินที่หายไปนั้นเป็นเงินรับไหว้จากสินสอดเพียง 6 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ตนสังเกตว่า ทำไมผู้ต้องหาไม่ยอมนำเงินออกไปให้หมดทั้ง ๆ ที่มีรถกระบะสำหรับใช้ในการขนย้าย

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ยังกล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการประกวดราคาโครงการของกระทรวงคมนาคมนั้น ถึงแม้ว่าตนจะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในหน่วยงานต่าง ๆ แต่การอนุมัติดังกล่าวต้องผ่านขั้นตอนคณะการทำงานหลายขั้น ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการอนุมัติได้ และคดีดังกล่าว ตนก็พร้อมที่จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม นายสุพจน์ เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท และขึ้นเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ นายสุพจน์ และ พล.อ.อ.สุกำพล มีความเห็นไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร โดยเฉพาะในการจัดกระบบคมนาคมในช่วงน้ำท่วม

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า นายสุพจน์ ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯรวม 16 ครั้ง โดยยื่นครั้งแรกในปี 2545 ซึ่งตอนนั้น นายสุพจน์ ดำรงตำแหน่ง กรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ( ทอท. ) ต่อนั้นก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ อีกหลายต่อหลายครั้งในตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการยื่นครั้งล่าสุด ครั้งที่ 16 คือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 ในตำแหน่งกรรมการบริษัทการบินไทย

นายณรงค์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเข้าไปตรวจสอบ พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลข่าวจากสารต่าง ๆ ว่า นายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และจะนำเข้าประชุมกันในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ส่วนทางด้าน นายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ปปช. ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การเก็บเงินสดจำนวนมากไว้ที่บ้านพัก ตนคิดว่าไม่เป็นการทุจริต หรือร่ำรวยผิดปกติแต่ประการใด เพราะบางคนที่เขามีเงินสดมาก ๆ จริง ก็อาจจะอยากเก็บเงินไว้กับตัวก็เป็นได้ เช่น นาย ก. ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯว่ามีเงิน หมื่นล้าน แต่ถ้าไปตรวจพบเงินสดที่บ้าน นาย ก. จำนวน 50 ล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

นายเมธี ยังกล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า ทางเจ้าของเงินจะต้องชี้แจงที่ไป - ที่มา ของเงินสดให้ได้ เช่น ถ้าได้เงินจากการซื้อหุ้นซึ่ง ณ วันนี้มีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัว ก็ชี้แจงไป แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ถือว่า ร่ำรวยผิดปกติ ทรัพย์สินจะต้องถูกยึดตกเป็นของแผ่นดิน และถ้าตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตจริงก็จะต้องคดีอาญาฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือถ้าตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ นายสุพจน์ เคยยื่นไว้ ไม่พบเงินจำนวนดังกล่าว ก็จะมีความผิดฐานแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ อันเป็นเท็จต่อ ปปช.




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






[18 พฤศจิกายน] เด้ง! สุพจน์ ทรัพย์ล้อม เซ่นโจรปล้นพบรวยเว่อร์ ซุกพันล้าน



นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดคมนาคม







สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

ยงยุทธ เซ็นคำสั่งย้าย ปลัดคมนาคม "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" ช่วยราชการทำเนียบฯ เปิดทาง ป.ป.ช.สอบกรณีโจรปล้นบ้านให้การเจอซุกเงินพันล้าน ด้านเจ้าตัวแจงมีไม่ถึง ยันพร้อมแจง แค่เงินสินสอด

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เซ็นคำสั่งย้าย นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตรวจสอบ หลังจากที่โจรให้การว่าปล้นเงินในบ้านของ นายสุพจน์ จำนวนกว่า 200 ล้านบาท และยังพบเงินสดในบ้านอีกกว่า 700 - 1,000 บาท ทำให้เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ

ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ระบุว่า กรณีดังกล่าวทางกระทรวงคมนาคม จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก โดยจะถือผลสอบของ ป.ป.ชฺ. เป็นที่สิ้นสุด

สุพจน์ แจงเงินสินสอด ยันมีไม่ถึง 200 ล้าน

ด้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า ตนยินดีให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แต่ขอยืนยันเลยว่า ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน เงิน 200 ล้านบาทตนก็ไม่มี และหากคิดตามหลักความจริง หากมีถึง 1,000 ล้านบาทจริง ทำไมโจรถึงเอาไปไม่หมด และจำนวนเงินมากมายขนาดนั้นจะต้องเก็บอย่างไร ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องดิสเครดิตกันมากกว่า ส่วนเงินที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นเงินสินสอดของลูกสาวที่นำมาเก็บรวมกันไว้ ซึ่งตนระบุไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด

ส่วนกรณีที่หนึ่งในคนร้ายระบุว่า มีข้าราชการอยู่เบื้องการโจรกรรมครั้งนี้นั้น ปลัดคมนาคม กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด และไม่อยากพูดถึง ทั้งนี้ไม่ติดใจสงสัยคนในบ้าน อีกทั้งคนร้ายที่จับได้หน้าตาก็ไม่คุ้น ดังนั้น ขอให้หน้าที่ของตำรวจดำเนินการต่อ

ผู้ต้องหาเผย วางแผนนาน 1 ปี

สำหรับแก๊งคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี และนายเสาร์แก้ว หรือ แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี พร้อมของกลางเงินสด 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องชอร์ตไฟฟ้า 3 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุมนายสิงห์ทองได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน และจับกุมนายเสาร์แก้วได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย

โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยมีนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง, นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี, นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงศ์, นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี และ นายคำนวณ หรือนวณ เมฆน้อย ร่วมด้วย

"แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่งนายวีระศักดิ์ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องตัดสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน" พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. เผย

ด้านนายสิงห์ทอง สารภาพว่า ได้วางแผนนานประมาณ 1 ปีแล้ว โดยมีนายวีระศักดิ์เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยวันเกิดเหตุได้ใช้อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์และเข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วนนายคำนวณคอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว

"เบื้องต้นเงินที่ได้มามีทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยนายวีระศักดิ์ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือนายวีระศักดิ์เป็นผู้เก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50% แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30% เป็นของนายวีระศักดิ์ อีก 20% แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ผมได้เข้าปล้นครั้งนี้ทราบมาว่าเป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทอง กล่าว

สำหรับผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 รายนั้น เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายวีระศักดิ์หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม, นายคำนวณหลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วนนายสมบูรณ์ และนายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ป.ป.ช.เตรียมสอบ 3 ประเด็น

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า จะมีการดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยในวันนี้จะให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปขอเอกสารการสอบสวน ยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ต่อไป เพื่อดำเนินการตรวจสอบกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ใน 3 ประเด็นว่า ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินไว้หรือไม่ หากไม่ ก็จะเป็นการปกปิดทรัพย์สิน , ที่มาของเงิน ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ และเงินจำนวนดังกล่าว มีความเกี่ยวพันกับการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่การงานหรือไม่

ทั้งนี้ นายกล้านรงค์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า กรณีดังกล่าว ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบได้ทันที โดยไม่ต้องมีใครร้องเรียนก็ได้ โดยอ้างอิงจากการรายงานของสื่อมวลชน เป็นหลักฐานในการทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

รวบอีก 1 ทีมปล้นบ้าน พร้อมเงิน 3 ล้าน

พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปล้นบ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เพิ่มเติมอีก 1 ราย แต่ยังไม่ใช่ นายวีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊ง ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางเป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปซ่อนตัวในภาคอีสาน

ทั้งนี้ พล.ต.ต.วินัย ยังกล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า จำนวนเงินที่ถูกปล้นไปนั้น มีจำนวนมากพอสมควร แต่ว่าทางผู้เสียหายเอง ก็ยังไม่ระบุว่าจำนวนเงินที่ถูกปล้นไปว่าเป็นจำนวนเงินมากแค่ไหน


ประวัติ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม

สำหรับประวัติของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อายุ 58 ปี เกิดเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2496 จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์(โยธา)จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี เริ่มทำงาน ปี 2520 เป็นเจ้าหน้าที่แรงงาน 3 กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ปี 2521 เป็นนายช่างโยธา 3 กรมชลประทาน ปี 2521-2541 ต่อมาย้ายข้ามไปกระทรวงคมนาคม เป็น วิศวกรออกแบบทาง กรมทางหลวง ระดับ 3-8 กองสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมทางหลวงเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2551


ประวัติ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม

ชื่อ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม
อายุ 58 ปี
เกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2496


การศึกษา

โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา
โรงเรียนเซนต์จอห์น
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 45
นักบริหารระดับสูง นบส.1 รุ่นที่ 36 (ก.พ.)
หลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง รุ่นที่ 16
วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี

ตำแหน่งปัจจุบัน

ปลัดกระทรวงคมนาคม

ตำแหน่งอื่นในปัจจุบัน

ประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย
กรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด
กรรมการการเคหะแห่งชาติ
กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย และ กรรมการผังเมือง

ประสบการณ์ทำงาน

อธิบดีกรมทางหลวง
อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม (ผู้ตรวจราชการกระทรวง 10)
รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมทางหลวงชนบท
ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม (นักบริหาร 9)
คณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย

ความเชี่ยวชาญ

ด้านบริหารจัดการ บริหารธุรกิจ
ด้านกลยุทธ์ การวางแผนพัฒนา
ด้านคมนาคมและการสื่อสาร
ด้านวิศวกรรม




ขอขอบคุณข้อมูลจาก




[13 พฤศจิกายน] เหิม! โจรบุกปล้นบ้านปลัดคมนาคม ฉกทรัพย์เกลี้ยง

โจรบุกปล้นบ้านปลัดคค.กวาดเงินสดเกลี้ยง (ไอเอ็นเอ็น)

แก๊งคนร้ายบุกปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดคมนาคม ภายใน ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 เขตวังทองหลาง ระหว่างเจ้าของบ้านไปร่วมงานแต่งงานลูกสาว กวาดเงินสดเกลี้ยง!

เมื่อเวลา 21.30 น. พ.ต.ท.ชัยยุทธ ปัดถามัง พงส.(สบ.3) สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าไปในบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม บ้านเลขที่ 77 ลาดพร้าว 64 แยก 2 เขตวังทองหลาง กทม. ซึ่งเป็นบ้าน 2 หลัง ในเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา ก่อนเกิดเหตุเจ้าของบ้านและครอบครัวไม่อยู่ในบ้าน ไปร่วมงานแต่งงานลูกสาว ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี มีเพียงแม่บ้านอยู่กัน 3 คน ระหว่างนั้น คนร้ายเกือบ 10 คน สวมใส่หมวกไหมพรม ขับรถปิกอัพเข้ามาในบ้าน ก่อนจะตรงเข้าไปในห้องนอนชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอนของนายสุพจน์ แล้ว รื้อข้าวของกระจุยกระจาย เบื้องต้นได้เงินสดและทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงทรัพย์สินที่หายไป แต่กลับถูกปฏิเสธบอกว่า ยังไม่มีรายละเอียด ต้องรอให้เจ้าของบ้านตรวจสอบทรัพย์สินอีกครั้งว่า มีสิ่งใดหายไปบ้าง มีมูลค่าเท่าไร ขณะเดียวกัน ก็มีภรรยาของนายสุพจน์ เข้ามาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในลักษณะไม่อยากให้เรื่องนี้เผย เพราะเป็นข่าว พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับลักษณะการก่อเหตุนั้น คนร้ายได้จับแม่บ้านจำนวน 2 ราย ที่อยู่ภายในบ้าน จากนั้นได้มัดมืดและนำขึ้นไปชั้นบน เพื่อชี้จุด ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า คนนั้นทำการบุกค้นห้องของนายสุพจน์ เพียงห้องเดียวเท่านั้น และน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี โดยประตูบ้าน ซึ่งเป็นระบบการเปิดปิดโดยใช้ไฟฟ้าแต่มีการตัดไฟ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม ส่งผลให้ประตูสามารถเปิดเข้าไปได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
พงส.อาชีพ(อิสานใต้)
ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้ทรงคุณวุฒิ


เข้าร่วมเมื่อ: 12/12/2007
ตอบ: 3748

ตอบตอบ: 03/12/2011 11:59 am    ชื่อกระทู้: Re: คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เปิดขุมทรัพย์แสนล้านกรมทางหลวง-ชนบท ก่อน“สุพจน์ ทรัพย์ล้อม”ถูกปล้นปริศนา 200 ล้าน?
Author by admin 20/11/112 Comments.
inShare.0Share



ภาพจากโพสต์ทูเดย์


เปิดขุมทรัพย์โครงการรับเหมาแสนล้าน กรมทางหลวง-กรมทางหลวงชนบท ปี 2551-2554 “หม้อข้าว”ใบโตกระทรวงคมนาคม ก่อน“สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” ถูกปล้นปริศนา 200 ล้าน?

หากไม่มีกระแสน้ำท่วม กรณี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ถูกค้นร้ายอย่างน้อย 6 คนบุกปล้นเมื่อช่วงหัวค่ำ วันที่ 12 พ.ย.2554 จะกลายเป็นข่าวใหญ่ และ เป็น ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ มากกว่านี้

นั่นเพราะวงเงินที่คนร้ายขนลำเลียงขึ้นรถปิกอัพมากถึง 200 ล้านบาทและยังมีรายงานข่าวว่าหนึ่งในคนร้ายให้การว่ายังมีเงินสดกองพะเนินอยู่ในบ้านนายสุพจน์อีกนับ 1,000 ล้านบาท เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม.

ล่าสุดนายสุพจน์ผู้เสียหายซึ่งปิดปากเงียบมาตลอดหลังเกิดเหตุ ถูกเด้งไปตบยุงที่ทำเนียบรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว

คำถามที่น่าสงสัยคือคนร้ายรู้ได้อย่างไรว่ามีเงินกองโตอยู่ในบ้านนายสุพจน์ ไม่สำคัญเท่าประการสำคัญเงินจำนวนมหึมาดังกล่าวมีที่มาอย่างไร?
ก่อนไขปมปริศนาขอให้ดูประวัตินายสุพจน์เสียก่อน
นายสุพจน์เริ่มทำงาน ปี 2520 เป็นเจ้าหน้าที่แรงงาน 3 กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ปี 2521 ย้ายมาเป็นนายช่างโยธา 3 กรมชลประทาน

ปี 2521-2541 เริ่มงานที่กรมทางหลวง ตำแหน่งวิศวกรโยธาออกแบบทางหลวง ระดับ 3-8 กองสำรวจและออกแบบ และผู้อำนวยการกองฝึกอบรม กรมทางหลวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท และผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม

ปี 2551 เป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ก่อนได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมทางหลวง เมื่อ 8 ต.ค.2551 และได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อ 15 ก.ย.2552 ภายใต้การผลักดันของนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งพรรคภูมิใจไทย

“ภูมิใจไทย”ในยุคขี่คอประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล พร้อมๆกับเดินหน้าผลักดันโครงการถนนไร้ฝุ่นอย่างเต็มกำลัง

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมีหน่วยงานระดับกรม ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า กรมการบินพลเรือน กรมการขนส่งทางบก ในจำนวนนี้มี“ขุมทรัพย์”ของผู้รับเหมาอยู่ 2 กรมคือ กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ในปีงบประมาณ 2551-2554 มีเม็ดเงินหมุนเวียนผ่านการจัดซื้อจัดจ้างของกรมทางหลวงทั้งหมด 8,701 โครงการ (สัญญา) วงเงิน 169,940 ล้านบาท และผ่านกรมทางหลวงชนบท 14,948 โครงการ (สัญญา) วงเงิน 79,725 ล้านบาท (ดูตาราง) แต่ละปีแต่ละโครงการมีวงเงินก่อสร้างสูงสุดตั้งแต่หลักร้อยล้านถึงพันล้าน กล่าวคือ



ปี 2551 โครงการรับเหมาที่มีวงเงินสูงสุด ของ กรมทางหลวง ได้แก่
จ้างเหมาก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกสุขาภิบาล2และ3 (West Bridge and East Bridge)หล่อพร้อมติดตั้งพื้นสะพานแบบPrecast Segmental Box Girder ปริมาณ3,235.00เมตร วงเงิน 913,988,982 บาท
จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตอนบางปะอิน-บางพลี (ส่วนที่9) วงเงิน 800,038,725 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น8ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงเศษหมายเลข9ตอนบางปะอิน-บางพลี(ส่วนที่2) 766,881,047 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9ตอนบางปะอิน-บางพลี ส่วนที่ 8 วงเงิน 712,899,338 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น8ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงพิเศษหมายเลข9ตอนบางปะอิน-บางพลี (ส่วนที่4) วงเงิน 680,209,428 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น8ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงพิเศษหมายเลข9ตอนบางปะอิน-บางพลี วงเงิน 658,338,675 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น8ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงพิเศษหมายเลข9ตอนบางปะอิน-บางพลี(ส่วนที่3) วงเงิน 641,224,883 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างขยายช่องจราจรเดิม4ช่องจราจรเป็น8ช่องจราจรพร้อมปรับปรุงผิวทางเดิมบนทางหลวงพิเศษหมายเลข9ตอนบางปะอิน-บางพลี(ส่วนที่7)วงเงิน 576,192,740 บาท

ปี 2552 โครงการรับเหมาที่มีวงเงินสูงสุด ได้แก่
จ้างเหมาก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจังหวัดนครพนม วงเงิน 1,723,234,000 บาท

จ้างปรับปรุงทางหลวงหมายเลข3256 สายแยกทางหลวงหมายเลข3(บางปู)-บ้านคลองกระบือตอน1ระหว่างกม.2+200.00กม.5+209.329(ด้านตะวันตก)ระยะทางยาวประมาณ3กิโลเมตร วงเงิน 776,442,243 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 งปะตอนบางปะอิน-บางพลี (ส่วนที่ 6)วงเงิน 683,946,431 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9ตอนบางปะอิน-บางพลี (ส่วนที่ 5) วงเงิน 621,429,458 บาท

จ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงหมายเลข212สายมุกดาหาร-อ.หว้านใหญ่ระหว่างกม.171+000.000-กม.187+500.000 ระยะทางยาวประมาณ16.5 กิโลเมตร วงเงิน 398,982,430 บาท

ปี 2553 โครงการรับเหมาที่มีวงเงินสูงสุด ได้แก่

จ้างก่อสร้างด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านถาวร บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ระหว่าง กม.20+700 ถึง กม. 68+000 ให้เป็นระบบปิด (Close System) วงเงิน 1,873,254,242 บาท

จ้างก่อสร้างสายแยกทางหลวงหมายเลข 417(ค้อล่าง)-บรรจบทางหลวงหมายเลข4213(บางอิฐ) รวมสะพานข้ามแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงิน 1,078,739,560 บาท

จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3097 สายพระประโทน-บรรจบทางหลวงหมายเลข 35 ตอน1 วงเงิน 719,663,200 บาท

จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 217 สาย อ.พิบูลมังสาหาร-ช่องเม็ก ส่วนที่1 วงเงิน 699,386,900 บาท จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1020 สายเชียงราย-อ.เชียงของ ตอน2 วงเงิน 663,736,066 บาท

จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1016 สาย อ.แม่จัน-อ.เชียงแสน(รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน) วงเงิน630,983,368 บาท

จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 408 สายนครศรีธรรมราช-อ.สทิงพระ ตอน2 ระหว่างกม. 19+400-กม.46+500 วงเงิน 624,407,840 บาท

จ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 สายตาก-สุโขทัย ตอน3 วงเงิน611,436,899 บาท

จ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข217 สายอ. พิบูลมังสาหาร-ช่องเม็ก ส่วนที่ 2 วงเงิน 609,845,800 บาท



ขณะที่ กรมทางหลวงชนบทโครงการที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงสุด ปี 2551 ได้แก่

จ้างก่อสร้างถนนสาย นนทบุรี 1002 แยกทางหลวงหมายเลข9-บ้านหนองเพรางาย อ.บางบัวทอง,ไทรน้อยจ.นนทบุรี ระยะทาง7 กิโลเมตร วงเงิน 258,500,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข3310-อ.นครชัยศรี,อ.พุทธมณฑล,นครชัยศรีจ.นครปฐมระยะทาง1.9 กิโลเมตร วงเงิน 90,000,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายก.ผังเมืองรวมเมืองนราธิวาสจ.นราธิวาสระยะทาง 2.4 กิโลเมตร

วงเงิน 85,388,114 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายทางหลวงหมายเลข4004ระนอง-ปากน้ำอ.เมือง จ.ระนองระยะทาง 8 กิโลเมตร วงเงิน 79,000,000 บาท

โครงการที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงสุด กรมทางหลวงชนบท ปี 2552 ได้แก่

จ้างก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเล จ.ระยอง,จันทบุรี,ตราดช่วงถนนเชื่อมบ้านหนองน้ำขาว(สี่แยกคุ้งวิมาน)-บ้านหมูดุด อ.ท่าใหม่,นายายอาม จ.จันทบุรีระยะทาง10.810กิโลเมตร 532,450,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายกผังเมืองรวมเมืองกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาครระยะทาง5.080กิโลเมตร วงเงิน 283,700,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข4145-แยกทางหลวงหมายเลข4135อ.สะเดา,คลองหอยโข่ง จ.สงขลาระยะทาง22.840กิโลเมตร วงเงิน 159,500,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลจังหวัดระยองจันทบุรีตราดช่วงเขาเจ้าหลาว-บ้านแหลมสิงห์ต.บางกะไชยอ.แหลมสิงห์จ.จันทบุรีระยะทาง14.3 กิโลเมตร วงเงิน 144,444,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 3067-บ้านโนนอ.อรัญประเทศ,วัฒนานคร จ.สระแก้วระยะทาง 15.9 กิโลเมตร วงเงิน 134,000,000 บาท

โครงการที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงสุด กรมทางหลวงชนบท ปี 2553 ได้แก่

จ้างก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข7-หนองกระเสริม อ.เมือง จ.ชลบุรีระยะทาง 4.9 กิโลเมตร วงเงิน 384,200,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสาย ช2(ตอนที่3)ผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงครามระยะทาง2 กิโลเมตร วงเงิน 220,000,000 บาท

จ้างก่อสร้างถนนสาย ค3ผังเมืองรวมเมืองพัทลุงจ.พัทลุงระยะทาง5 กิโลเมตรวงเงิน

184,500,000 บาท

จ้างก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกที่กม.6+900ถนนสายคผังเมืองรวมเมืองราชบุรี จ.ราชบุรี 1 แห่ง วงเงิน 180,000,000 บาท

จ้างก่อสร้างปรับปรุงถนนลาดยางACสายนบ.1009 แยกทางหลวงหมายเลข 9-บ้านหนองไผ่ขาด อ.บางใหญ่,บางบัวทองจ.นนทบุรีพร้อมกำแพงกันดินระยะทาง 3.7 กิโลเมตรวงเงิน 165,000,000 บาท



สำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างผ่านสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เฉพาะปีงบประมาณ 2554 วงเงิน 210 ล้านบาท
ที่ยกมาข้างต้นคือตัวอย่างบิ๊กโปรเจ็กต์ในห้วง 4 ปี ในทางธุรกิจปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น “ขุมทรัพย์” ของผู้รับเหมารายเล็กรายใหญ่ตั้งแต่ระดับห้างหุ้นส่วนจำกัดทุนจดทะเบียนหลักแสนถึง บมจ.ที่มีทุนจดทะเบียนนับพันล้าน

ทว่าเป็น “ขุมทรัพย์” ของนักการเมืองและข้าราชการคนใดด้วยหรือไม่ ?

ถ้าย้อนกลับไปดูข่าวกรณีภาคธุรกิจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรมฯ ออกมาแฉกรณี 25-30% เพื่อให้ได้งาน ก่อนหน้านี้

เชื่อว่าหลายคนมีคำตอบ?

และนายสุพจน์อาจต้องไปตอบคำถามนี้ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)

Tags: 200 ล้าน, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, ปล้นปริศนา, สุพจน์ ทรัพย์ล้อม, เปิดขุมทรัพย์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ศรัทธา-ธรรม
สมาชิกใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 28/09/2011
ตอบ: 84

ตอบตอบ: 05/12/2011 9:49 am    ชื่อกระทู้: Re: คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สุดยอดข้อมูล ยิ่งกว่าเหลิม

ใครโกงชาติ ควรได้รับโทษ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
กบในขวด
บุคคลทั่วไป





ตอบตอบ: 17/05/2016 2:55 pm    ชื่อกระทู้: Re: คำถามจาก"สังคม" ต้องรอ คุณ"โก้" ตอบ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

โดนปล้นซะได้ก็ดี
กลับไปข้างบน
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    sobsuan.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ฟอกเงิน สตง. ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group




เนติบัณฑิต | อาชีวะ | ภูผาหมอกเขาค้อ | เงินกู้ | สินเชื่อ

การสร้างหน้าเอกสาร: 0.16 วินาที