สมาคม พงส. เรื่องไปใต้

[ต้นธาร31]

สมาคม พงส.ควรเรียกประชุมตัวแทน พงส.แต่ละจังหวัดหรือแต่ละบก.น. เพื่อเสนอแนวทางการสรรหาพงส.เพื่อไปใต้ ต่อ ตร. โดยข้าพเจ้ามีความเห็นว่าควรเปิดรับสมัครสอบรุ่นพิเศษเพื่อไปใต้ และให้สิทธิ
พิเศษ กำหนดระยะเวลาการประเมินในแต่ละระดับให้เร็วขึ้นอีก 1 ปี เช่น พงส.เมื่อครบ 5 ปีแล้ว สามารถประเมินเป็นพงส.ผนก.ได้ในปีที่ 6, พงส.ผนก.เมื่อครบ 3 ปี สามารถประเมินและแต่งตัั้งเป็นพงส.ผนพ.ได้ในปีที่ 4 และ พงส.ผนพ.เมื่อครบ 1 ปี สามารถยื่นประเมินและแต่งตั้งเป็นพงส.ผนค.ได้ในปีที่ 2 ส่วนรุ่นแรกนี้ควรจะจัดทำประเมินโดยรีบด่วนเช่นเดียวกับ พงส.ผชช.รุ่นล่าสุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ที่จะไปปฏิบัติงาน

ลิงก์ผู้สนับสนุน Sponsored Links

[pct55555]

ไม่ต้องประเมิน ครบกำหนดทวีคูณ เลื่อนไหลไปเลย

[สบ๔อีสาน]

ถ้าเชื่อมั่นว่า พงสฯ ในกล่องที่จะถูกเอาไปใต้ "มีความรู้ ความสารถเหมาะสม" แล้วล่ะก็ ให้ไป 2 ปี แต่งตั้งที่เดิม ให้เลื่อนระดับได้อีก 1 ระดับ ไม่ต้องสอบ แต่รวบรวมผลงานส่ง โดยผ่านการรับรองของ ศชต.ก็น่าจะทำได้ และควร และต้อง ทำเป็นอย่างยิ่ง...แนวคิด ผกก.หน.ฟาสแทรค ไปใต้ อายุต่ำกว่า 50 ปี เมื่อปี 52 นั้น ไม่เห็นมีการประเมินอะไร เอาความ "กล้าตาย" อย่างเดียวเข้าแลก ทุกวันนี้ บางคนเกือบขึ้น ผบกฯ อีกสัก 1 หรือ 2 ปี ถัดไปแล้ว...โปรโมชั่น อย่างนี้ต่างหาก ที่ "ชวน" ให้เขาไปรักชาติ กล้าตาย กล้าทำงาน กล้าทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อครอบครัว ที่ต้องมาก่อน องค์กร หรือใครว่าไม่จริง "กลัวนาย" กับ "กลัวเมีย" ถามว่า ต้องกลัวใครก่อนกัน

[ไจแอนท์]

สมควรตามที่ท่าน pct55555 ว่าจริงๆ ครับ พงสฯ ทุกระดับไม่ควรต้องประเมิน เข้าเรียน แล้วสอบเลย หากประเมินก็ไม่ต้องเข้าเรียน หรือสอบอีก เป็นการซำซ้อนของกระบวนการ อย่างอัยการ ศาล เข้าไม่ต้องประเมินหรือสอบเลย เขายังเก่ง สังคมยอมรับ หรืออย่างครูประเมินแล้วผ่านก็ได้เลย ไม่ต้องไปเรียนหรือสอบอีกครั้ง สังคมยังยอมรับได้
แต่ ตร.ขึ้นตอนมากแล้วเป็นไง ครับ

[chaiK]

การแก้ปัญหาเรื่อง พงส.ไปใต้ มีโจทย์ให้คิดว่าจะแก้ปัญหากันแบบถาวรที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หรือแบบชั่วคราว หากจับสลากไปคงได้แต่ปริมาณคน แต่เชื่อแน่ว่าทำงานได้แบบไม่มีประสิทธิภาพแน่นอน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คงยังมีอยู่เช่นเดิมและต้องแก้กันตลอดไป แต่หากจะแก้ปัญหาแบบถาวร ที่นโยบายตร.เน้นการบังคับใข้กฎหมายและสันติวิธี ผมอยากเสนอให้รับ พงส.ใหม่ ที่จบเนติบัณฑิต และเน้นคนในพื้นที่หรือพื้นที่ใกล้เคียง และคนที่มีความรู้ในภาษาและวัฒนธรรมของพี่น้องชาวใต้น่าจะเกิดผลดีที่สุด เพราะคนใต้หรือคนที่มีภาษา ศาสนาและวัฒนธรรมเดียวกัน ย่อมเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันดีกว่า รู้สภาพพื้นที่มากกว่า รู้ทางหนีทีไล่ หากมีการยื่นข้อเสนอที่มีผมว่าคงจะมีคนสนใจเข้ามาสมัครมากและคนที่จบเนติฯบางคนมีประสบการณ์การทำงานทางกฎหมายมาแล้ว อาจเป็นทนายความหรือทำงานด้านกฎหมายอื่นมาก่อน ใข้เวลาอบรมสัก ๓ เดือน น่าจะเก่งกว่าและได้ผลดีกว่าเอา พงส.ผนก.,ผนพ.ของภาคเหนือ ที่ทำแต่คดีตัดไม้ทำลายป่า รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง กฎหมายก็งูๆปลาๆ จะไปบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพและสร้างสันติวิธีได้อย่างไร เมื่อคนพูดภาษาเดียวกันไม่ได้จะมีความไว้วางใจกันได้หรือ ขอฝากทางสมาคมฯช่วยนำเสนอแนวคิดนี้ด้วยครับ หรือทางสมาคมฯอาจมีแนวความคิดที่ดีกว่าก็จะเป็นการดีนะครับ ลองช่วยกันคิดและนำเสนอผู้บังคับบัญชาดู น่าจะทันอยู่